
7 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวตรวจสอบ การรายงานรายงานผลสอบข้อเท็จจริงของจเรตำรวจเเห่งชาติ ที่มีการรายงาน ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2567
กรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ตร. เรื่อง ร้องขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ชุดสอบสวน หัวหน้าคณะสอบสวน รอง ผบช.ภ.9 กับพวก ที่รับผิดชอบทำคดีเว็บพนันออนไลน์ กับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่มีผู้ต้องหา 2 คน คือ นายชนนพัฒน์ นาคสั้ว หรือ สส.กฤต กับพวก คดีร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ เเละ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดยคณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้บันทึกถ้อยคำพยานบุคคลและรวบรวมพยานเอกสาร มีพยานบุคคล จำนวน 10 ปาก
โดยในประเด็นที่มีการกล่าวถึงประเด็นตำรวจชุดจับกุม คือ พ.ต.ต.ประชิต เเละ พ.ต.ต.นวพล ทางคณะกรรมการ ได้พิจารณากรณีดังกล่าวแล้วเห็นว่า คณะพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวนทางคดีมีความเห็น สั่งฟ้อง นายชนนพัฒฐ์ กับพวก ในความผิดตามที่ถูกกล่าวหานั้นถูกต้องสมควรแล้ว แต่การที่พนักงานสอบสวนได้ไปสอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.ต.ประชิต ผู้กล่าวหา และ ร.ต.อ.นวพล พยาน โดยอ้างว่า นายชนนพัฒฐ์ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ร้องขอความเป็นธรรมนั้น
ซึ่งคณะพนักงานสอบสวน สามารถดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมได้ เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย แต่การสอบสวนเพิ่มเติมในคำให้การของ พ.ต.ต.ประชิต ผู้กล่าวหา และ ร.ต.อ.นวพล พยาน เป็นคำให้การสั้นๆ ไม่ชัดเจน คลุมเครือ และไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ประกอบคำให้การแต่อย่างใด พนักงานสอบสวนไม่ได้ดำเนินการสอบสวนให้ชัดเจน สิ้นกระแสความ
ประกอบกับเมื่อ พ.ต.ต.ประชิต และ ร.ต.อ.นวพล ได้มาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการ ยืนยันว่า ได้รับการติดต่อให้สอบสวนเพิ่มเติม จึงได้นัดหมายกันในวันที่ 30 มิ.ย. 2565 เวลา 16.30 น. ที่ บก.น.7 บช.น. และเมื่อ พ.ต.ท.พิเชษฐไชย มาถึงแจ้งว่าต้องรีบเดินทางไปสนามบินดอนเมืองให้ทันเวลาเช็กอินก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อเดินทางกลับจังหวัดสงขลา เมื่อสอบปากคำทั้งสองเสร็จแล้ว ได้ปรินท์คำให้การแล้วให้ลงชื่อด้วยความเร่งรีบ เพื่อให้ พ.ต.ท.พิเชษฐไชย ขึ้นเครื่องให้ทันเวลา
ต่อมาวันที่ 8 เม.ย. 66 ได้ไป ติดตามผลคดีที่ สภ.หาดใหญ่ และ สภ.เมืองสงขลา จึงทราบว่าคำให้การเพิ่มเติมของตนเองนั้น วันที่สอบเพิ่มเติมที่จริง คือวันที่ 30 มิ.ย. 65 แต่ในคำให้การเพิ่มเติมเป็นวันที่ 24 มิ.ย.65 สถานที่เป็น สภ.เมืองสงขลา ไม่ใช่ บก.น.7 บช.น. และเมื่ออ่านทบทวนแล้วมีข้อความกำกวม ไม่ชัดเจน อาจทำให้ผู้ที่อ่านเพียงคำให้การเพิ่มเติม เข้าใจหลงผิดในประเด็นการสืบสวนสอบสวนได้ ดังนั้น
กรณีดังกล่าวจึงเห็นได้ว่า พนักงานสอบสวนได้สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.ต.ประชิต ผู้กล่าวหา และ ร.ต.อ.นวพล พยาน อย่างเร่งรีบ โดยสอบสวนปากคำเพียงสั้นๆ ทำให้คำให้การดังกล่าว ไม่ชัดเจน คลุมเครือ และไม่มีพยานหลักฐานต่างๆ มาประกอบคำให้การดังกล่าว ซึ่ง พ.ต.ต.ประชิต ผู้กล่าวหา และ ร.ต.อ.นวพล พยาน พร้อมจะให้การเพิ่มเติม แต่พนักงานสอบสวนรีบเร่งในการสอบปากคำ และยึดถือเพียงสอบสวนตามที่ นายชนนพัฒฐ์ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ร้องขอความเป็นธรรมเท่านั้น อีกทั้ง วัน เวลาสถานที่ที่บันทึกในคำให้การที่สอบสวนเพิ่มเติมของ พ.ต.ต.ประชิต ผู้กล่าวหา และ ร.ต.อ.นวพล คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
อย่างใดก็ดี คณะพนักงานสอบสวนสามารถสอบสวนเพิ่มเติมพยานหลักฐานต่างๆ มาประกอบการพิจารณาได้ เพื่อให้การสอบสวนชัดเจน สิ้นกระแสความ แต่ไม่มีการดำเนินการเเต่อย่างใด จึงเป็นกรณีที่พนักงานสอบสวนบกพร่อง ขาดความรอบคอบในการสอบสวนหลักฐานในคดี สอบสวนไม่สิ้นกระแสความ เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ตร.ที่ 419/2556 มาตรการควบคุม ตรวจสอบและเร่งรัดการสอบสวน ข้อควรปฏิบัติในการตรวจสำนวนการสอบสวน ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีหน้าที่ตรวจสำนวนการสอบสวน พึงทำการตรวจในสาระสำคัญ
คณะกรรมการได้ประชุมพิจารณาร่วมกัน กรณีคดีอาญา สภ.เมืองสงขลา ที่ 352/2565 ลงวันที่ 7 ก.พ. 2565 และคดีอาญา สภ.หาดใหญ่ ที่ 1010/2565 ลงวันที่ 24 ก.พ.65 ข้าราชการตำรวจผู้ใดมีพฤติการณ์และหลักฐานเบื้องต้น มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัย โดย พิจารณาแยกออกเป็น ดังนี้
1.คคีอาญา สภ.เมืองสงขลา ที่ 352/2565 คณะกรรมการได้ประชุมร่วมกัน พิจารณาตามคำให้การของพยานบุคคลและพยานหลักฐานแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า คณะพนักงานสอบสวน ตามคำสั่ง สภ.เมืองสงขลา ที่ 127/2565 โดยมี พ.ต.อ.ภูวรา , พ.ต.ท.พิเชษฐไชย , พ.ต.ท.อเสก และ พ.ต.ท.จตุพลพัฒช์ รวม 4 นาย ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบคดีอาญา สภ.เมืองสงขลา ที่ 352/2565 มีกรณีบกพร่องอันมีการกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัย ด้วยเหตุผลดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น เห็นควรให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 117 โดยแต่งตั้งจาก ผบช.ภ.9 พิจารณากรณีดังกล่าวต่อไป
2. คดีอาญา สภ.หาดใหญ่ ที่1010/2565 คณะกรรมการประชุมร่วมกันพิจารณา ตามคำให้การของพยานบุคคลและพยานหลักฐานแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ร.ต.อ.เดชาวัต รอง สว.(สอบสวน) สภ.หาดใหญ่ พนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบ และ พ.ต.ท.โชคทวี รอง ผกก.(สอบสวน)หัวหน้างานสอบสวน และ รักษาราชการแทน ผกก.สภ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา มีกรณีบกพร่องอันมีมูลที่ควรกล่าวหาว่า กระทำความผิดวินัย ด้วยเหตุผลดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ม.117 โดยแต่งตั้งจากผบช.ภ.9 พิจารณา ดำเนินการต่อไป
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงขอเสนอรายงานการผลตรวจสอบข้อเท็จจริง มาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2568 ผลการพิจารณาลงโทษทางวินัยลงนาม โดย พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา ได้มีหนังสือเรียน ผบ.ตร.เรื่องรายงาน ผลการตรวจสอบดำเนินการทางวินัย เเละมีคำสั่งให้ยุติเรื่องการดำเนินการทางวินัย ว่ากล่าวตักเตือน และลงโทษภาคทัณฑ์ ด้วยข้าราชการตำรวจดังต่อไปนี้
1. พ.ต.อ.ภูวรา ผกก.สภ.ทุ่งต่ำเสา จ.สงขลา
2.พ.ต.ท.พิเชษฐไชย หรือชัยพัทธ์ รองผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองสงขลา
3.พ.ต.ท.จตุพลพัฒช์ รองผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองสงขลา
4.ร.ต.ท.อเสก สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมือง จังหวัดสงขลา
5.ร.ต.อ.เดชาวัต รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
6.พ.ต.ท. โชคทวี รองผกก. (สอบสวน) สภ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
โดยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การดำเนินคดีอาญาที่ 352/2565 ของ สภ.เมืองสงขลา พ.ต.อ.ภูวรา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และ พ.ต.ท.พิเชษฐไชย หรือ ชัยพัทธ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 บกพร่องต่อหน้าที่ แต่เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นหัวหน้าสถานีตำรวจ มีภารกิจหน้าที่ในความรับผิดชอบเป็นจำนวนมาก ประกอบกับไม่เคยถูกดำเนินการทางวินัยมาก่อน จึงมีเหตุลดหย่อนผ่อนโทษ ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้เสียชีวิตไปเเล้ว
ส่วนการดำเนินคดีอาญาที่ 1012/2565 ของ สภ.หาดใหญ่ ร.ต.อ.เดชาวัต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 บกพร่องต่อหน้าที่ ส่วน พ.ต.ท.โชคทวี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ยังฟังไม่ได้ว่าบกพร่องต่อหน้าที่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 124 มาตรา 179 และมาตรา 180 แห่ง พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ประกอบกับ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยอำนาจการลงโทษข้าราชการตำรวจ อัตราโทษและการลงโทษภาคทัณฑ์ณฑ์ ทัณฑกรรม กักยาม กักขัง หรือตัดเงินเดือน จึงให้
1.ยุติเรื่องการดำเนินการทางวินัย พ.ต.ท.พิเชษฐไชย หรือ ชัยพัทธ์ , พ.ต.ท.จตุพลพัฒช์ , พ.ต.ท.อเสก และ พ.ต.ท.โชคทวี
2.ลงโทษว่ากล่าวตักเตือน พ.ต.อ.ภูวรา
3.ลงโทษภาคทัณฑ์ ร.ต.อ.เดชาวัต