svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จุลพันธ์" แนะเปลี่ยน "นายกฯ" ปมปราบ "สแกมเมอร์" มองไม่ตอบโจทย์

"จุลพันธ์" แนะเปลี่ยน "นายกฯ" ปมปราบ "สแกมเมอร์" มองกระบวนการทำงานไม่ตอบโจทย์

7 พฤศจิกายน 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุหากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจจะมีการยุบสภา เพราะไม่อยากถูกด่าฟรี ว่า อย่าไปมองเช่นนั้น ช่วงนี้นายกรัฐมนตรีอาจจะอารมณ์ร้อน แต่กระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยในการยื่นญัตติ เช่น มาตรา 151 

 

การตรวจสอบรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องด่าหรือไม่ด่า พวกตนตรวจสอบ เพราะเป็นฝ่ายค้าน และเมื่อใครเป็นฝ่ายค้านกระบวนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เป็นเรื่องปกติ

เพราะฉะนั้นอยากให้รัฐบาลมองว่า เป็นเรื่องการตรวจสอบ เป็นการตรวจการบ้าน และหากมองว่าประพฤติถูกต้อง ไม่มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน

เรื่องที่เขาว่ากันว่าปัดเป่า ทั้ง "คดี ฮั้ว สว. -เขากระโดง" ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่ต้องห่วง

 

"จุลพันธ์" แนะเปลี่ยน "นายกฯ" ปมปราบ "สแกมเมอร์" มองไม่ตอบโจทย์

 

"จุลพันธ์" แนะเปลี่ยน "นายกฯ" ปมปราบ "สแกมเมอร์" มองไม่ตอบโจทย์

 

"จุลพันธ์" แนะเปลี่ยน "นายกฯ" ปมปราบ "สแกมเมอร์" มองไม่ตอบโจทย์

 

 

 

 

ถ้าอภิปรายไปแล้วยังเป็นหนังเรื่องเก่า เนื้อเรื่องเก่า ก็เป็นความเสียหายของฝ่ายค้านที่จะดำเนินการในการอภิปราย และเป็นเวทีเปิดสภาไม่ใช่พูดแค่ฝั่งเดียว พวกตนอภิปรายได้ท่าน ก็สามารถตอบได้ หากตอบได้เคลียร์ ตอบได้ชัด ก็เป็นโอกาสของรัฐบาลในการชี้แจงทำความเข้าใจ ไม่ใช่แค่กับสภาเท่านั้น แต่กับประชาชนชาวบ้านที่ได้ฟังด้วย

อย่าไปมองว่า เป็นเรื่องการไปด่าหรือไม่ด่ากัน แต่ที่จริงแล้วเป็นเรื่องการตรวจสอบตามระบบ และผมก็ต้องมองหลายสิ่งหลายอย่าง อย่างแรกคือข้อมูลการกระทำความผิดนั้นสมบูรณ์หรือยัง สำเร็จหรือยัง มีการดำเนินที่ผิดพลาดโดยรัฐบาลจริงหรือไม่ ผมก็ต้องดู

 

 

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวว่า ต้องมองเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนูญประกอบด้วย เพราะวันนี้กรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปอย่างช้าๆ ซึ่งตนอยู่ในกรรมาธิการด้วย มองว่า โอกาสที่จะสำเร็จเป็นไปได้น้อย เพราะบรรยากาศในที่ประชุมการอภิปรายของแต่ละฟากฝั่งอ่านกันออก ว่าโอกาสที่จะผ่านวาระ 3 มีมากน้อยเพียงใด หากติดตามบันทึกการประชุม ซึ่งไม่ใช่ความลับ จะรู้ว่าใครพยายามผลักดันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนูญ และมันติดขัดอะไร สุดท้ายไม่อยากให้รัฐบาลเอาเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญนูญมาเป็นตัวประกัน เพราะพวกตน ต้องดูผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก พวกเราคำนึงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญนูญแน่นอน

 

ตนเชื่อว่า พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนถึงแม้จะเข้าสู่กระบวนการ MOA และตั้งรัฐบาลมา เขาก็ต้องดูเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนูญด้วยเช่นกัน และดูความคาดหวัง ความสำเร็จมีมากน้อยเพียงใด หากทิศทางเป็นไปได้ยาก ในการจะผ่านแนวโน้ม MOA มันไม่สำเร็จก็เป็นไปได้

อาจจะมีกระบวนการมาพูดคุยกัน เรื่องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งพวกตนยืนยันว่า เราคำนึงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญนูญ

แต่มันไม่สามารถหยุดการทำงานของพวกเราในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศจากการทุจริต คอร์รัปชัน และการปัดเป่าคดีต่างๆ

 

 

เมื่อถามว่า หากเปิดสมัยประชุมหน้า วันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยหรือไม่

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่มี ไม่ได้พูดคำนั้น และยังไม่มีข้อสรุป ทางพรรคต้องมีการประชุมหารือกันกับผู้ใหญ่หลายคน เพื่อจะมาดูว่าความเหมาะสม และจังหวะเวลาคืออะไร จะดำเนินการหรือไม่อย่างไรต้องมาดูกันอีกครั้งหนึ่ง

 

 

เมื่อถามว่า ที่บอกว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนูญล่าช้า ปัจจัยเกิดจากอะไร

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนูญ ตนพูดแต่แรกว่ากรอบเวลา 4 เดือนกระชั้น กฎหมายประชามติกำหนดว่า การทำประชามติ เมื่อรัฐสภาส่งเรื่องไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 60 วันไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างน้อยต้องมีระยะเวลาที่ถอยร่นมา กระบวนการลงมติวาระ 2 และวาระ 3 รัฐธรรมนูญนูญกำหนดต้องห่างกัน 15 วัน

เพราะฉะนั้นพวกตนคำนวณมาตั้งแต่ต้น และพูดในวันอภิปรายวาระ 1 ควรจะมีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 18-19 พ.ย. เพื่อลงมติวาระ 2 ช่วงวันที่ 20 พ.ย. และวันที่ 8 ธ.ค. ลงมติวาระ 3 เพื่อที่การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญนูญจะทันกรอบเวลา แต่ดูการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการบางฝ่ายยังไม่เร่งรัดอย่างที่เราต้องการ

พวกตนพยายามเร่งรัด ก็ดูจะเชื่องช้าไป รวมถึงข้อคิดเห็นในลักษณะที่เป็นอุปสรรค เช่น มีบางฝ่ายเสนอว่ากรณีร่างรัฐธรรมนูญนูญผ่านกระบวนการครบถ้วนแล้ว ก่อนไปลงประชามติ ต้องให้ความเห็นชอบในรัฐสภา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อยากให้คงสัดส่วนสมาชิกวุฒิสภาในการเห็นชอบ 1 ใน 3 ไว้ เมื่อฟังแบบนี้ก็รู้แล้วว่าโอกาสยาก เพราะเราเห็นกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนูญที่ผ่านมา เสียง 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา เป็นปัญหามาตลอดเป็นจำนวนที่เราหาลำบาก

 

เมื่อถามว่า ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายรัฐบาล และ สว. ด้วยหรือไม่

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมความคิดเห็นอาจล้อกันไปในหลายประเด็น ทั้ง สว. และ สส.ฝั่งรัฐบาล

 

 

รัฐบาลอาจจะกังวลที่ถูกโจมตีเรื่องสแกมเมอร์ ขณะที่ นายรังสิมันต์โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากตำแหน่ง

 

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ดำเนินการเรื่องปราบสแกมเมอร์อย่างเข้มข้น ซึ่งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นผู้ที่สามารถลดปริมาณ 40% ของสแกมเมอร์ในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ แต่ปรากฏว่าหลังจากที่มีการเปลี่ยนรัฐบาล

 

ในช่วงแรกพรรคเพื่อไทยก็จับตาดู เพราะตัวเลขความเสียหายของประชาชนเริ่มสูงขึ้น ซึ่งเมื่อมีรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม ก็ปรากฏว่ากระบวนการที่จะเข้าไปดำเนินการอย่างจริงจังกลับไม่เห็น

ซึ่งเราจะติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและจะเร่งรัดให้รัฐบาลไปดำเนินการในการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์

พวกเราไม่ได้พุ่งเป้าไปพรรคใด ไม่ได้บอกว่าเป็นพรรคของ ร.อ.ธรรมนัส หรือพรรคของนายอนุทิน ซึ่งผมเข้าใจว่าข้อเรียกร้องของคุณโรม คือให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรี

แต่ผมมองว่าต้องเปลี่ยนตัวที่ตัวนายกฯ นั่นแหละ เพราะว่ากระบวนการในการทำงานของท่านนายกฯ ที่ผ่านมาไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้