"ทูตประศาสน์" นำทีม "ประชุม JBC" เคลียร์ปมรุกพื้นที่ "หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว"
"ทูตประศาสน์" นำทีม "ประชุม JBC" เคลียร์ปมรุกพื้นที่ "หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว" สื่อไทย-สื่อกัมพูชา เกาะติดหารือ 2 ประเด็น
21 ตุลาคม 2568 ความเคลื่อนไหวการประชุม JBC ที่ โรงแรมมณีจันท์ รีสอร์ท จ.จันทบุรี วันนี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ แม่ทัพใหญ่ ผู้นำทัพถก "JBC ไทย-กัมพูชา" หารือกับผู้แทนกัมพูชา เรื่องหลักๆคือ 2 ประเด็น เรื่องรุกล้ำพื้นที่บ้านหนองจานหนองหญ้าแก้ว และการแจ้งให้ทราบเรื่องการสร้างรั้วชายแดน
นอกจากนี้ยังมีผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ , เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ , อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก , อธิบดีกรมการปกครอง , เจ้ากรมแผนที่ทหาร , เจ้ากรมอุทกศาสตร์ , ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย , ผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนจากเหล่าทัพร่วมเป็นกรรมาธิการ
ขณะที่ ฝ่ายกัมพูชามี นายลัม เซีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการแห่งรัฐว่าด้วยกิจการชายแดน เป็นคณะผู้แทนฝั่งกัมพูชา นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม , รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย , ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ , รองผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 5 ผู้ว่าราชการจังหวัดไพลิน ผู้ว่าราชการโพธิสัตว์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงาน ของกัมพูชา รวมกว่า 60 คน ร่วมเป็นกรรมาธิการ
ซึ่งประเด็นหลักที่จะหารือกันนี้ในการประชุม ครั้งนี้ซึ่งถือเป็นวาระพิเศษ ที่จะมีการหารือ กรณีที่ประชาชนชาวกัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทยบริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว และแจ้งให้กัมพูชาทราบว่าพื้นที่ที่ไทยจะสร้างรั้วแนวตรงเชื่อม หลักเขตแดนที่สองฝ่ายเห็นตรงกัน เพราะก่อนหน้านี้ อธิบดีกรมสาระนิเทศกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่า จะคุยกันเพียงแค่สองประเด็นนี้เท่านั้น จะไม่คุยเรื่องของการปักปันเขตแดน เพราะนี่ไม่ใช่วาระปกติ
และการประชุมครั้งนี้ เป็นไปเพื่อให้สอดรับกับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC ที่จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามใน 4 ประเด็นหลัก ก็คือ การถอดอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุนระเบิด การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการจัดการพื้นที่ชายแดน และ RBC เพื่อให้ไทยสามารถผลักดันผลประโยชน์ของชาติได้อย่างมีเอกภาพ ระหว่างฝ่ายความมั่นคง และ ฝ่ายต่างประเทศ ที่สำคัญจะต้องเกิดผลประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีสื่อมวลชนกัมพูชา มากกว่า 20 คน และสื่อไทยกว่า 30 คน มาร่วมทำข่าวการประชุมในประเทศไทยด้วย