
8 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นประธาน กมธ. มีวาระพิจารณาติดตามปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย
กรณี นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ (นายเบน สมิธ) ที่กระทบกับความมั่นคงของประเทศ รวมถึงกรณีปัญหาการก่อสร้างอาคารสแกมเมอร์ รุกล้ำชายแดนไทย ที่จังหวัดตราด
ซึ่งในวาระที่ 1 จะมีการพูดคุยกับหน่วยงานที่ข้องเข้าไปปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์การฟอกเงินเบื้องต้นเชิญ ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจไซเบอร์ กลต. ธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงรวมถึงกองทัพเรือ ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในบริเวณจังหวัดตราด
ส่วนในวาระที่ 2 จะพิจารณาเฉพาะความเกี่ยวข้องของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กับนายเบน สมิธ
ส่วนวาระที่ 3 เชิญเฉพาะนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เกี่ยวกับเรื่องถูกเสนอเงิน 40 ล้านแลกไม่ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดย กมธ. ได้เชิญตัวแทนหน่วยงานต่างๆ เข้าชี้แจง ประกอบด้วย
1.กองบัญชาการกองทัพเรือ ซึ่งได้มอบหมาย พล.ร.ท.วศิน สระศรีดา เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ และคณะมาชี้แจง
2.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งได้มอบหมาย นายอภินันท์ นวลสุวรรณ์ ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์ข่าวกองทางการเงินและคณะมาชี้แจง
3.สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)
4. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
5.กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)
6.กองบัญชาการสอบสวนกลาง นอกจากนี้ ยังมี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน , นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน รวมถึง น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการด้านการเงิน เข้าร่วมประชุมด้วย
นอกจากนี้ กมธ. ได้เชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าชี้แจงว่ามีความเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกับนายเบน สมิธ อย่างไร
ซึ่ง นายรังสิมันต์ เปิดเผยช่วงต้นการประชุมว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.68 ได้รับหนังสือจากนางนฤมล แจ้งว่าติดภารกิจตรวจโรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมส่งกำหนดการมาให้ ส่วน ร.อ.ธรรมนัส ส่งตัวแทนมาชี้แจง
อย่างไรก็ตาม ในหนังสือที่ กมธ.ส่งเชิญ ร.อ.ธรรมนัสนั้น ได้ระบุชัดเจนว่า ขอให้มาชี้แจงด้วยตนเอง ดังนั้น หากส่งตัวแทนมาจริงๆ จึงต้องขออนุญาตที่ประชุมว่า หากส่งเป็นทนายความหรือคณะทำงานมา จะขอปฏิเสธไม่รับผู้แทนคนอื่น นอกเหนือจากตัว ร.อ.ธรรมนัสเอง จะส่งเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯมาก็ไม่น่าจะตอบได้ในเรื่องนี้
สำหรับวาระต่อไปคือการพิจารณาศึกษาแนวนโยบายและการสร้างความมั่นใจต่อการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ รวมถึงเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย เพื่อการสร้างความมั่นคงของประเทศ
เนื่องจากรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงการเสนอให้ผลประโยชน์เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีกับแก๊งสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์
เมื่อถามว่ากรณีนายไชยชนกมีการติดต่อผ่านคนกลางมาอีกทีนั้นเป็นอย่างไร
นายรังสิมันต์ มองว่า คงต้องไล่ไทม์ไลน์และเส้นทางความพยายามที่จะติดสินบนนายไชยชนก เพื่อไม่ให้ทำหน้าที่ เบื้องต้นเราได้เชิญนายไชยชนกมาชี้แจง แต่ก็ได้รับหนังสือมาเช่นกันว่าติดภารกิจ โดยไม่ได้แจ้งว่าติดภารกิจอะไร พร้อมระบุว่าได้ให้การกับตำรวจแล้ว ซึ่งตนยังมีความเห็นคล้ายกันว่านายไชยชนกควรมาตอบความเห็นด้วยตนเอง
แต่เราต้องติดตามต่อในเรื่องนี้ซึ่งเราให้โอกาสนายไชยชนกและยืนยันไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีคนไหน เราปฏิบัติเหมือนกันหมด ซึ่งจะพยายามเรียกให้เข้ามาชี้แจง เพราะต้องรับฟังทุกฝ่ายไม่เช่นนั้นจะเกิดข้อครหาได้ว่ากรรมาธิการเลือกปฏิบัติ ตนไม่อยากให้เกิดบรรยากาศแบบนั้น
เมื่อถามว่าคนที่ติดต่อนายไชยชนกอาจมีส่วนเชื่อมโยงกับบุคคลที่เคยอภิปรายไปใช่หรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนอภิปรายเรื่องคอลเซ็นเตอร์เยอะ มีตัวละครทั้งคนไทยและไม่ใช่คนไทย
ยืนยันว่า "เสี่ยตือ" ถ้าไล่จริง ๆ จะพบข้อมูลเยอะหลายอย่าง ซึ่งอยากจะทราบเหมือนกันว่าหน่วยงานของรัฐ มีเครื่องไม้เครื่องมือเยอะแยะ สามารถที่จะตรวจสอบเส้นทางการเงินได้วันนี้มี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สิ่งสำคัญคือต้องดูว่าเส้นทางการเงินเป็นอย่างไร มีคำอธิบายอย่างไรในเรื่องที่มาของเงิน
ตนเชื่อว่าที่มาของเงินไม่สามารถอธิบายได้โดยง่าย นอกจากนั้นในกรณีอื่น ๆ ที่เราเจอกับอาชญากรรมข้ามชาติ และมีความซับซ้อนมากขึ้น ต้องยอมรับว่ามีบางกรณีซับซ้อนมาก ไม่จนถึงขั้นไม่มีหลักฐานอะไรเลย มีการใช้นอมินีต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เชื่อมโยงกับตัวเอง เมื่อมีปัญหาแบบนี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาแนวทางของรัฐบาล ไม่ใช่เฉพาะชุดนี้ รวมไปถึงก่อนหน้านี้ให้ความสำคัญแค่บัญชีม้า-ซิมม้า
แต่ต้องยอมรับว่าไม่สามารถทำลายโครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติ ด้วยแค่การจับบัญชีมาได้ ถ้าต้องการทำลายโครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องการฟอกเงิน
"การฟอกเงินวันนี้มันมโหฬารจริง ๆ เผลอ ๆมากกว่างบประมาณแผ่นดิน ของประเทศเราด้วยซ้ำ วันนี้เรากำลังต่อสู้กับเรื่องที่ใหญ่มากเงินเหล่านี้เท่าไหร่เข้าสู่ประเทศไทยบางส่วนถูกใช้เพื่อยึดอำนาจรัฐ บางส่วนถูกใช้เพื่อยึดบริษัทพลังงาน บางส่วนถูกใช้เพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ให้กระบวนการยุติธรรมเดินไม่ได้ ถ้าวันนี้ระดับรองนายกไม่นำพา นายกรัฐมนตรียังเงียบ แม้กระทั่งนายไชยชนกออกมาแฉ จนทุกคนมีความหวังว่าจะปราบได้แน่ ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ เริ่มแปลกจึงคิดว่าแล้วจะอยู่กันยังไง " นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อยากให้ทุกคนตระหนักว่าเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่อาชญากรรมธรรมดา โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวว่าประเทศตกอยู่ใต้ทุนสีเทาเหล่านี้จริง ๆ และการที่เชิญร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมล ตนเชิญให้มาด้วยตัวเองผู้แทนมาไม่ได้เพราะอยากจะฟังจากปากของ ร.อ.ธรรมนัสโดยตรง กมธ. พร้อมให้เกียรติ ที่ผ่านมารัฐมนตรีหลายคนที่เชิญ เราก็ปฏิบัติอย่างดีเราไม่ต้องการที่จะทำร้ายใคร แต่เราให้ความสำคัญกับเรื่องข้อมูล
"ก่อนหน้านี้ผมพยายามทำความเข้าใจ กับคุณธรรมนัสในฐานะที่เป็นประจักษ์พยาน ด้วยซ้ำไปแต่ท่าทีของคุณธรรมนัส ทำให้เราเกิดความสงสัยว่าทำไมท่านธรรมนัสถึงไปช่วยนายเบน สมิธขนาดนี้ เรื่องมันเป็นแบบนี้ สุดท้ายพิสูจน์กันคุณมีพยานหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์เอามาแสดงกรรมาธิการเป็นกลไกของสภา เราพร้อมที่จะรับฟังข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา การที่เรียกเข้ามาชี้แจงนั้นเพื่อสอบถามถึงความสัมพันธ์กับนายเป็นสมิธเป็นหลัก และคงเชื่อมไปถึงการฟอกเงินว่าร.อ.ธรรมนัสรู้มากน้อยแค่ไหน " นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าเอกสาร 48 หน้าที่ได้เพิ่มมาเป็นข้อมูลเกี่ยวกับอะไร
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่จะเปิดโปงให้เห็นอาณาจักรการฟอกเงินและมีตัวละครต่าง ๆ ไม่ใช่แค่ นายเบน สมิธ แต่มีตัวละครต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงและมีหลักฐานที่เป็นที่เป็นแบบทางการจะเห็นอีกหลายปมที่ชัดเจน ข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์ ที่จะทำให้เราสามารถติดตามกระบวนการฟอกเงิน
"วันนี้ธงของตนการฟอกเงินไม่ใช่แค่เรื่องของตัวบุคคลและไม่ใช่เรื่องของร.อ.ธรรมนัสกับตน และไม่ใช่แค่เรื่องของนายเบน สมิธ แต่มันเป็นอาณาจักรการฟอกเงินที่ใหญ่มโหฬาร ในระดับที่อาจจะมีรัฐบางรัฐอยู่เบื้องหลัง นี่คือเรื่องใหญ่ของสถานการณ์ที่เรากำลังเจอ และตนคิดว่ารัฐบาลนี้เอาจริงเอาจัง ให้ความสำคัญกับเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จริง ๆ ต้องทำให้เห็นมากกว่านี้" นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนรายชื่อที่เกี่ยวข้องมีนักการเมืองหรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอเก็บไว้ก่อนดีกว่า ซึ่งตัวละครอื่นมีมากกว่าหนึ่งคน ขออย่ามาไล่เรียงในตัวเลข และในวันที่ 30 ตุลาคมนี้
จะมีการ เรียกสอบ นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะที่มีความเชื่อมโยงในเรื่องนี้ เพื่อให้กรรมการได้มีการสอบถาม ซึ่งตนเห็นว่านายวรภัคมีสิทธิ์ที่จะให้ข้อมูล
ส่วนการประชุมกรรมาธิการในวันนี้ขอดูข้อมูลก่อนว่าจะได้มากแค่ไหน ทั้งนี้อาจจะมีการเรียกคนอื่นอีกเพิ่มเติม ซึ่งยืนยันว่าเป็นประโยชน์เพราะได้มีการสอบข้อเท็จจริงให้มากขึ้น เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะแค่ตัวคน เป็นเครือข่ายอาชญากรรมที่มีความกว้างขวางมาก ตัวละครบางตัวหลายคนรู้จักอยู่แล้ว แต่บางตัวก็เป็นคนใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ขอเวลาทำงานก่อน
ซึ่งความตั้งใจของตนเอง ในช่วงแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ได้ดูปฏิกิริยารัฐบาลว่าจะมีท่าทีเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้อย่างไร แต่ว่าตอนนี้ เป็นเรื่องที่เราจะต้องไปสอบเส้นเงินต่างๆ ซึ่งตอนนี้ก็หวังว่าหน่วยงานรัฐ จะได้ให้ข้อมูล พร้อมยืนยันว่ามีเอกสาร และข้อมูลแบคกราวด์ เพราะกว่าจะมาเป็นวันนี้มีเรื่องราวในรอบหลายปี
ส่วนจะมีการยื่นให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆตรวจสอบหรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้อยู่ในแผนที่จะดำเนินการต่อไป
เพียงแต่ว่า ประเทศนี้คนเดินไปแจ้งความ แล้วส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานต่างๆ แล้วทุกอย่างมันจบ มันก็จะไม่มาถึงมือพวกผม ซึ่งขอพูดตรงไปตรงมา ถ้าคุณคิดว่าเดินเข้าไป ปปง. ป.ป.ช. หรือตำรวจ แล้วปัญหาอาชญากรรมถูกแก้ไข วันนี้จะไม่ถึงมือพวกตน นายรังสิมันต์ เผย
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ทำไมเราไม่คิดบ้างว่า ที่ตนต้องมาพูดที่สภา เพราะว่าปัญหาเหล่านั้นมันค้างท่อ มาเป็นเวลานานแล้ว และไม่เคยได้รับการแก้ไข จนตนเองต้องออกมาพูดในที่ประชุมสภา และแม้แต่มาพูดในที่ประชุมสภา ลองคิดดูว่า สส. พูดแล้วเรื่องยังไม่มีความคืบหน้า หรือมีความก้าวหน้า จากหน่วยงานรัฐอย่างเพียงพอ ตนเองคิดว่าต้องเข้าใจ ว่ากำลังเจอกับปีศาจร้ายที่มันไม่ง่ายและมีการแฝงตัวอยู่ ในทุกอณูของอำนาจรัฐ
เมื่อถามว่าเอกสารชุดนี้มีน้ำหนักและ น่าเชื่อถือใช่หรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เท่าที่ตนตนเองตรวจสอบ ไม่ใช่แค่เรื่องเล่า มีพยานหลักฐานแนบมา ส่วนเอกสารทางราชการหรือไม่นั้น บางส่วนเป็นเอกสารราชการบางส่วนเป็นของเอกชน
เมื่อถามว่า ปัญหานี้เป็นต้นตอของความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ใช่หรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้ามองด้วยใจเป็นธรรม สื่อมวลชนเห็นตรงกับตัวเองหรือไม่
แต่ส่วนตัวคิดว่าปัญหาไทยกัมพูชา ไม่ใช่แค่เรื่องเขตแดนอย่างเดียว ให้ทุกคนดูอากัปกิริยาของผู้นำกัมพูชา มันดูเป็นเรื่องส่วนตัว และถามว่าเรื่องส่วนตัวแบบนี้
เมื่อตนเห็น คิดว่าแย่งสมบัติกัน ดังนั้นจึงมีความซับซ้อน และต้องยอมรับว่าปัญหาเรื่องเขตแดนมีจริง มีมานานแล้วและมีกลไกแก้ปัญหาอยู่ ซึ่งบางระดับมีความก้าวหน้าอาจจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีความก้าวหน้า
ส่วนในแง่ของฝั่งไทยอ่าวไทย ก็ปัญหาที่ท้าทายมาก เพราะเป็นเรื่องที่มีผลประโยชน์ แต่พอกลับมา
ดูกรณีที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน อภิปรายว่า มีความชัดเจนในกลุ่มทุน มีกลุ่มทุนแปลกๆ ไปซื้อหุ้นบางจาก และ บางจากต้องมีข้อตกลงกับบริษัทเชฟรอน และเชฟรอน คือคนที่ได้ผลประโยชน์ในไทย ทุกคนเห็นความเชื่อมโยงในเรื่องนี้หรือไม่
ดังนั้นในวันนี้ ตนเองจึงทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อจะเอาข้อมูลนี้มาให้ประชาชนได้รับทราบ เพราะทุกคนคือเจ้าของ ประเทศและมาบอกรัฐบาลเพื่อจะได้เห็น ความชัดเจนและทำหน้าที่กรรมาธิการอย่างดีที่สุด แม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ได้ให้ กรรมาธิการมากมายและหวังจะได้รับความร่วมมือจากบรรดาหน่วยงานต่างๆ
ส่วนกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่า นายเบน สมิธ เป็นคนละคนกัน จะฟังขึ้นหรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าว ถ้าทีมงานของ ร.อ.ธรรมนัส ไปตรวจสอบเรื่องนี้ดีๆ จะเจอชื่อบริษัทหนึ่ง ซึ่งข้อมูลก็อยู่ในช่วงที่ตนเองอภิปราย
ส่วนตัวเข้าใจว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่ได้ดูเนื้อหาแบบเต็ม ซึ่งหากไปดูข้อมูลจะมีความเชื่อมโยงและเป็นร่องรอยที่สำคัญ และยังมีบริษัทอื่นและมีโบรคเกอร์ ซึ่งมีข้อมูลหลายอย่างปรากฏออกมายืนยันและมีลักษณะเชื่อมโยงกัน บางครั้งอย่าไปคิดว่าชื่อไม่เหมือนกันแล้วเป็นคนละคน
และอย่าคิดว่าบริษัทที่ต้มตุ๋นคน จะต้องมีตัวละครจริงๆ คนพวกนี้ไม่ได้โง่ แต่มีวิธีการในการทำให้เราเชื่อและหลอกเงินเราไป จริงๆ ตนเองเจอข้อมูลเพิ่มเติมอีก แต่ขอตรวจสอบให้แน่ชัดเกี่ยวกับบริษัทแห่งหนึ่ง
ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้ จะสะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการทางกฎหมายมีปัญหามาก ซึ่งพบว่าทาง ก.ล.ต. ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าวและเท่าที่ทราบ อยู่ในชั้นอัยการตั้งแต่ปี 2564 จน ขณะนี้ปี 2568 ผ่านมา 4 ปี แล้วยังไม่มีความคืบหน้า