svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ครม.อนุทิน" ออกกฎเหล็ก"รักษาความลับทางราชการ" หากฝ่าฝืน ถึงขั้น"ไล่ออก"

"ครม.อนุทิน" เปิดแนวทาง "รักษาความลับทางราชการ"   เผยกฎเหล็ก ขรก.ฝ่าฝืนมีความผิดวินัยร้ายแรงถึงขั้น"ไล่ออก" รวมถึง "ขรก.ทางการเมือง" ถึงขั้นผิดจริยธรรมร้ายแรง มอบอำนาจให้"โฆษกรัฐบาล" เปิดเผยข้อมูล ชี้แจงข้อเท็จจริงทางราชการได้ หลังมี"มติครม."

30 กันยายน 2568  ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า  สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เผยแพร่หนังสือเวียน ถึงรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม  ว่าด้วยเรื่อง แนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรีและการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน

เนื้อหาหนังสือระบุว่า   ด้วยสำนักเลชาธิการคณะรัฐมนตรีได้เสนอเรื่อง แนวทาทางปฏิบัติในการรักษาควานลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน ไปเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา

คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๘ ลงมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการ รักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้

 นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 406 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา

๑. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดูแลและระมัดระวังมิให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเอกสารการประชุมคณะรัฐมนตรีเปิดเผยเอกสารดังกล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีโดยให้รักษาความลับหรือเอกสารของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี ตามประเภทชั้นความลับที่ได้กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และระเบียบ

สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๓ ชั้น คือ

๑.๑ "ลับที่สุด" หมายความถึง ข้อมูลข่าวสารลับซึ่งหากเปิดเผยทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์แห่งรัฐอย่างร้ายแรงที่สุด

๑.๒ "ลับมาก" หมายความถึง ข้อมูลข่าวสารลับซึ่งหากเปิดเผยทั้งหมดหรือบางส่วนจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์แห่งรัฐอย่างร้ายแรง

๑.๓ "ลับ" หมายความถึง ข้อมูลข่าวสารลับซึ่งหากเปิดเผยทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์แห่งรัฐ

ทั้งนี้ เอกสารและข้อมูลในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีถือว่ามีชั้นความลับเป็น "ลับมาก" ไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่ส่วนราชการเจ้าของเรื่องไม่ได้กำหนดชั้นความลับ หรือกำหนดชั้นความลับไว้เป็น "ลับ" หรือ "ลับมาก" ก็ตาม

๒. ในการจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐนตรี หากหน่วยงานเจ้าของเรื่องเห็นว่าเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบสูงเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ ความมั่นคง ประโยชน์สาธารณะ หรือประโยชน์ของประเทศชาติหรือเข้าข่ายเป็นเรื่องที่ห้ามเปิดเผยข้อมูลตามมาตรา ๓๔ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องระบุไว้ในหนังสือนำส่งเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจนว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบสูงอย่างไร หรือหากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่เข้าลักษณะดังกล่าว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยจะเผยแพร่เอกสารเรื่องดังกล่าวผ่านระบบเรียกดูระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยเครื่องแท็บเล็ต (ระบบ M-VARA) เฉพาะในการประชุมคณะรัฐมนตรีเท่านั้นและหลังจากพิจารณาแล้วเสร็จ ให้ถอนเรื่องตังกล่าวออกจากระบบ M-VARA ทันที

๓. ในการประชุมคณะรัฐมนตรี การพิจารณาหารือหรืออภิปรายของคณะรัฐมนตรีให้ถือเป็นความลับของทางราชการ โดยไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพและเสียง ดังนั้น รัฐมนตรีทุกท่าน ผู้เข้าร่วมการประชุมและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี พึงระมัดระวังและไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่พิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

๔. กรณีมีผู้นำเอกสารหรือข้อความซึ่งเป็นความลับของทางราชการไปเผยแพร่จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ หรือเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่ได้รับความเสียหายพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เช่น กรณีข้าราชการพลเรือนไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติตามมาตรา ๘๒ (๖)แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งบัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องรักษาความลับของทางราชการ โดยหากไม่ปฏิบัติตาม ข้าราชการพลเรือนผู้นั้นถือเป็นผู้กระทำผิดวินัยตามมาตรา ๘๔และหากการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง กรณีจะถือว่าข้าราชการพลเรือนผู้นั้นกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา ๘๕ (๗) ทั้งนี้ จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยตามมาตรา ๙๗ กล่าวคือ ให้ลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี

อนึ่ง ตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้วางหลักเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมในเรื่องการรักษาความลับของราชการไว้เช่นเดียวกันตามข้อ ๗ (๓) กล่าวคือ ข้าราชการการเมืองต้องยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติโดยอย่างน้อยต้องไม่นำข้อมูลข่าวสารอันเป็นความลับของราชการซึ่งตนได้มาในระหว่างอยู่ในตำแหน่งไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เอกชน ทั้งในระหว่างการดำรงดำแหน่งและเมื่อพันจากตำแหน่ง และข้อ ๘ (๕) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องรักษาความลับของราชการ เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย

๕. เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติแล้ว ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่รับผิดชอบเป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาความเหมาะสมและชี้แจงต่อสาธาธารณชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเพิ่มเติมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กรณีเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหรืออนุมัติตามมติของคณะกรรมการต่าง ๆ แล้ว ให้ประธานกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการชี้แจงในทำนองเดียวกันด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 406 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา

๖. ให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่และอำนาจให้ข่าวสารเกี่ยวกับการประชุมคณะรัฐมนตรี มติคณะรัฐมนตรี การดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือกระทรวง กรม ตลอดจนชี้แจง เมื่อปรากฏว่ามีการเสนอข่าวคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงหรือไม่ถูกต้อง ครบถ้วน อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคลากรหรือรัฐบาล หรือการปฏิบัติผิดพลาดได้ ทั้งนี้ อาจขอให้โฆษกกระทรวงเป็นผู้แถลงข่าว หรือออกคำชี้แจงเองเองเองหรือร่วมกันแถลงข่าวหรือชี้แจงด้วยก็ได้ และมอบให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบกระทรวงพิจารณาแต่งตั้งตั้งโฆษกระทรวงเพื่อดำเนินการดังกล่าวด้วย

 

"ครม.อนุทิน" ออกกฎเหล็ก"รักษาความลับทางราชการ" หากฝ่าฝืน ถึงขั้น"ไล่ออก"

 

"ครม.อนุทิน" ออกกฎเหล็ก"รักษาความลับทางราชการ" หากฝ่าฝืน ถึงขั้น"ไล่ออก"