
30 กันยายน 2568 จากกรณีมีข่าวเกี่ยวกับ ผู้กองแคท ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง ที่ล่าสุดได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองปฏิบัติการ) กลุ่มงานบริหารงานปกครอง ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
แต่ปรากฎว่า มีการขอยืมตัวไปช่วยราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ซึ่งต่อมานายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง มีหนังสือตอบกลับว่า ไม่สามารถให้ไปช่วยราชการได้นั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีกรชื่อดังรายการหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับผู้กองแคท ว่า มีใครหนุนหลัง จากเส้นทางการเติบโตในตำแหน่งหน้าที่ราชการพบว่าได้เลื่อนยศเร็ว และเคยนั่งหน้าห้อง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข หรือ บิ๊กปั๊ด เมื่อครั้งเป็น ผบ.ตร. รวมทั้งถ้าท่าน ผบ.ตร.จะสนับสนุนก็ไม่น่าประหลาดใจ
อย่างไรก็ดี พิธีกรคนนี้ ยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับบ้านราคา 50 ล้านบาทของผู้กองแคทว่า เอาเงินมาจากไหน แต่ระบุว่าคงไม่ใช่จาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เพราะ "ขี้ยังไม่ให้หมากิน คงจะไม่ได้ซื้อบ้าน 50 ล้านบาทให้” นั้น
จึงเป็นคำถามที่ต้องไขความจริงว่า บิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็นคนสนับสนุนผู้กองแคท ในการติดยศและรับราชการตำรวจ จริงหรือไม่?
จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก ทั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบุคคลใกล้ชิดของ บิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ไม่พบความเกี่ยวข้องเกี่ยวพันใดๆ ระหว่างอดีต ผบ.ตร. กับ ผู้กองแคท อาทิติยา เบ็ญจะปัก โดยมีข้อมูลไล่เรียงประวัติเส้นทางการรับราชการ ดังนี้
ประวัติส่วนตัว
การศึกษา
เส้นทางการรับราชการตำรวจ
เส้นทางการรับราชการพลเรือน(มหาดไทย)
การเติบโตเร็ว การเลื่อนยศจาก ร.ต.ต. เป็น ร.ต.อ. ในช่วงเวลาประมาณ 2 ปี (กันยายน 2564 ถึง มิถุนายน 2566) ทำให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการเติบโตที่ "พุ่งพรวด" (บางแหล่งระบุ 8 ชั้นยศใน 4 ปี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับหลักสูตรปกติ
อย่างไรก็ตาม โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยออกมาชี้แจงว่า ผู้กองแคท เข้ามาตามระบบและถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง โดยเฉพาะการใช้คุณวุฒิปริญญาโทสมัครและเข้าอบรมหลักสูตร กอส. เป็นช่องทางหนึ่งในการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร
ผู้กองแคท อาทิติยา ไม่ได้ดำรงตำแหน่ง เลขานุการ ผบ.ตร. แต่สังกัด สำนักงานเลขานุการ ตร.
ขณะเดียวกัน จากการสืบค้นประวัติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข หรือ บิ๊กปั๊ด พบว่า จากการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ยังไม่พบข้อมูลแหล่งใดที่ระบุความเชื่อมโยงหรือความสนิทสนมเป็นพิเศษ ระหว่าง ผู้กองแคท กับ บิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่เคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในห้วงระหว่าง วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2565 ตามที่พิธีกรชื่อดังกล่าวอ้าง แม้ว่าผู้กองแคทจะติดยศสัญญาบัตร เป็น ร.ต.ต. ในเดือนกันยายน 2564 ช่วงเวลาที่ บิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในขณะนั้นก็ตาม
รวมทั้งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้กองแคท ติดยศ ร.ต.ต. ครั้งแรกในสังกัดสำนักงานเลขานุการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่ตำแหน่ง เลขานุการ ผบ.ตร. ตามที่หลายคนเข้าใจกันผิด
เบื้องลึกไม่ได้ไปช่วยงาน “ประธานสภา”
ขณะที่ ในส่วนความเกี่ยวข้องกันระหว่าง ผู้กองแคทกับนักการเมือง ยังไม่พบข้อมูลแหล่งใดที่ระบุความสนิทสนมเป็นพิเศษในเชิงการเมืองอย่างเป็นทางการ หรือมีรายงานยืนยันว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเติบโตในสายงาน
เพียงแต่มีปรากฏภาพถ่ายร่วมเฟรมกันในงานสังคมต่างๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผู้กองแคทเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงและวงการนางงาม และมักเข้าร่วมงานพิธีการต่างๆ ในฐานะ รองสารวัตร สังกัดสำนักงานเลขานุการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ซึ่งรับผิดชอบงานพิธีการ)
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าในงานขึ้นบ้านใหม่ของผู้กองแคท มี สส.พรรคการเมืองใหญ่ไปร่วมงานจำนวนมาก
ส่วนที่มีการกล่าวถึงชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ในขณะที่ผู้กองแคทโอนย้ายมาสังกัดกรมการปกครอง)นั้น ปรากฏข้อมูลว่า นายอนุทิน เคยออกมากล่าวถึงผู้กองแคท ในเชิงชื่นชมเมื่อครั้งที่เธอโอนย้ายมาสังกัดกระทรวงมหาดไทย
อย่างไรก็ดี เมื่อมีประเด็นเรื่องที่ประธานสภาฯ (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา) ขอยืมตัวผู้กองแคทไปช่วยราชการที่รัฐสภา นายอนุทิน เคยให้สัมภาษณ์และโยนเรื่องให้กรมการปกครองเป็นผู้ชี้แจง
แต่ก็มีข่าวอีกกระแสหนึ่งว่า ในความเป็นจริงนายอนุทิน ไม่ได้สนับสนุนหรือส่งเสริมผู้กองแคท เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ในทางราชการ และมีข่าวว่า น่าจะเป็นผู้ที่ตัดสินใจไม่ให้อธิบดีกรมการปกครองอนุมัติให้ผู้กองแคท โอนย้ายไปสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย
สรุปข้อมูลที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะส่วนใหญ่ เป็นการตั้งข้อสังเกตจากเส้นทางการเติบโตที่รวดเร็วและการปรากฏตัวในงานสังคม รวมถึงการเชื่อมโยงกับบุคคลที่มีอำนาจทางการเมืองและในวงราชการระดับสูง แต่ ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ ว่ามีการใช้เส้นสาย หรือมีความสนิทสนมพิเศษกับบิ๊กตำรวจ การนักการเมือง บุคคลใดบุคคลหนึ่ง จนทำให้ได้เติบโตในราชการอย่างผิดปกติ