
19 กันยายน 2568 เวลา 09:40 น. กองทัพบก นำสื่อมวลชนลงพื้นที่แนวรั้วลวดหนาม บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อชี้จุดพื้นที่ที่ถูกฝ่ายกัมพูชานำประชาชนมาปักหลักใช้เป็น “โล่มนุษย์” และทำลายแนวรั้วเขตแดน ซึ่งอยู่ในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ นำโดย พันเอก ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา ศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 1 พร้อมเปิดเอกสารและอธิบายรายละเอียดของพื้นที่ และสถานการณ์ปัจจุบันต่อสื่อมวลชน
พ.อ.ชัยณรงค์ กล่าวถึงเหตุการณ์ชุลมุนเมื่อวันที่ 16–17 กันยายน ที่ผ่านมาว่า กลุ่มชาวกัมพูชาพยายามยั่วยุเจ้าหน้าที่ไทย โดยหน้าที่ของทหารคือเสริมแนวรั้วป้องกันแนวเขตที่ถูกทำลาย ส่วนการระงับเหตุและการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเป็นหน้าที่ของตำรวจ
“ทหารต้องรบกับทหารเท่านั้น เรื่องของประชาชนที่กระทำผิด ให้เป็นหน้าที่ตำรวจ หากใช้ทหารไปสู้กับประชาชนจะเป็นการเปรียบพร้ำ และจะทำให้เราเสียเปรียบในเวทีโลก” พันเอก ชัยณรงค์ กล่าว
พ.อ.ชัยณรงค์ ระบุว่า ทางการได้พูดคุยกับอีกฝ่ายผ่าน พลตรีเชิงตุม แล้วอีกฝ่ายรับทราบแต่ไม่ยืนยันว่าจะห้ามการปลุกระดมประชาชนในพื้นที่ ขณะนี้ สถานการณ์เป็นไปตามปกติ ยังมีชาวกัมพูชาที่หลงเหลือแต่ไม่มีการยั่วยุเพิ่ม และกำลังฝ่ายไทยประจำแนวยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ พร้อมยืนยันว่า หากเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้น จะจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายไทย
ผบ.ฉก.12 แจ้งด้วยว่า ขณะนี้สามารถยึดคืนพื้นที่ที่ถูกบุกรุกกลับมาได้ประมาณ 100 ไร่ เหลืออีกประมาณ 25 ไร่ ซึ่งการดำเนินการต่อไปจะเป็นไปตามขั้นตอนของการประชุมคณะกรรมการร่วมชายแดน (JBC) ที่จะเกิดขึ้น และชี้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเกณฑ์มวลชนคือ "กำนันลี" ขณะเดียวกัน มีบุคคลระดับสูงกว่านั้น ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เป็นผู้เสียผลประโยชน์จากการยึดคืนพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับกลุ่มธุรกิจของจีนเทา และเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ขยายมาจากปอยเปต
ต่อมาเวลา 10.40 น. พ.อ.ชัยณรงค์ ได้นำสื่อมวลชนไปยังจุดต่าง ๆ รวมทั้งฐานทัพเดิมของกัมพูชาที่รุกล้ำ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง ทางการไทยได้รื้อถอน และผลักดันทหารกัมพูชาให้ถอยร่นออกไปประมาณ 500 เมตร จากนั้นพาสื่อไปยังแนวรั้วลวดหนามในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งขณะที่ทหารไทยดึงแสลนสีดำออกให้สื่อดู ปรากฏว่ามีประชาชนกัมพูชามายืนสังเกตการณ์และบันทึกภาพ รวมทั้งมีสื่อมวลชนฝั่งกัมพูชามาถ่ายทำและโบกมือทักทายสื่อไทย บางพื้นที่มีป้ายข้อความเรียกร้องต่อต้านฝ่ายไทยด้วย
และระหว่างที่สื่อไทยทยอยออกจากพื้นที่ มีเด็กชาวกัมพูชารายหนึ่งปีนต้นไม้ชูนิ้วกลาง และถ่ายคลิปเหตุการณ์ด้วยโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยไม่ระบุการตอบโต้โดยตรงต่อพฤติกรรมดังกล่าว
สำหรับจุดที่มีการรื้อรั้วลวดหนามของกัมพูชา พบว่ามีเจ้าหน้าที่ ตชด. ควบคุมพื้นที่และแนวลวดหนามบางส่วนยังตั้งอยู่เป็นแนวป้องกัน
ทีมข่าวสัมภาษณ์ นายสาคร (นามสมมุติ) ทหารพรานผู้ปฏิบัติหน้าที่แนวหน้า บอกว่า ได้ปฏิบัติภารกิจหลายวันรวมถึงวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันชาวกัมพูชา และไม่ได้รับบาดเจ็บ “ผมจะยืนหยัดสู้ให้เต็มที่ ยืนหยัดในความถูกต้อง” พร้อมยืนยันว่ากำลังใจของเจ้าหน้าที่ยังเต็มร้อย แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่พร้อมจัดการหากฝ่ายกัมพูชาเข้ามาเพิ่ม
พ.อ.ชัยณรงค์ ยืนยันด้วยว่า พื้นที่ที่กัมพูชาปักหลักอยู่เป็นอธิปไตยของไทย และคนไทยสามารถทำกินบนที่ดินของตนได้อย่างปลอดภัย ภายใต้นโยบายและความพร้อมของผู้บังคับบัญชา โดยจะปฏิบัติด้วยความอดทนอดกลั้นแต่พร้อมปฏิบัติการหากสถานการณ์บานปลาย