
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียดและอยู่ในภาวะที่กำลังของทั้งสองฝ่ายเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่มีเสียงปืนและเสียงระเบิดดังเหมือนช่วงที่ผ่านมาเท่านั้น
ส่วนข่าวบางกระแสที่บอกว่า ช่วงของการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ สถานการณ์ในภาพรวมดีขึ้น ฝ่ายกัมพูชาถอนกำลังทหารในหลายพื้นที่ จึงมีข้อเสนอเรื่อง “เปิดด่าน” นั้น จากการตรวจสอบของ “ข่าวข้นคนข่าว เนชั่นทีวี” จากกองกำลัง “หน้าแนว” และทีมของ “กองทัพไทย” ที่ลงพื้นที่ล่าสุด ได้รับคำยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง
พื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาค1 (ภาคตะวันออก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด)
- กรณีรื้อลวดหนามหีบเพลงที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ตรวจสอบแล้วเป็นกลุ่มชาวบ้านที่เคลื่อนไหวกดดันฝ่ายไทย โดยเป็นการเคลื่อนไหวตามแบบแผนปกติเพื่อให้เป็นข่าว ไม่หยุดนิ่ง แต่เมื่อโดนฝ่ายทหารไทยใช้มาตรการกดดัน ก็ล่าถอยออกไป โดยผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารของไทยในพื้นที่ ได้ติดต่อโดยตรงกับผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารของกัมพูชา และสุดท้ายก็ตกลงกันได้ เหตุการณ์ไม่บานปลาย
- ส่วนความเคลื่อนไหวเรื่องการถอนกำลัง ได้รับคำชี้แจงว่า พื้นที่ทัพภาค 1 ไม่มีการวางกำลังแบบเผชิญหน้าอยู่แล้ว เนื่องจากกำลังรบต่างกันมาก ข่าวที่ออกมาน่าจะเป็นการสับเปลี่ยนกำลัง เปลี่ยนผลัดของทหาร ตามวงรอบปกติมากกว่า
พื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาค2 (ภาคอีสาน 4 จังหวัดชายแดน อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์)
- มีการถอนกำลังของฝั่งกัมพูชาจริง แต่เป็นการถอนนานแล้ว หลังจากสูญเสียอย่างหนักจากการปะทะข่วงก่อนหยุดยิง วันที่ 28 ก.ค. 2568
- จุดที่ถอนกำลัง คือ ภูมะเขือ บ้านโดนเอาว์ และบริเวณใกล้เคียงตลอดแนวหลายกิโลเมตร ถอนจากเนินเขา และขอบเนินเขาออกไปทั้งหมด เป็นจำนวนหลายสิบฐาน เป็นกำลังจากกองพลสนับสนุนกองพลน้อยที่ 8 เป็นอดีตทหารเขมรแดงที่ไม่ค่อยได้รับการเหลียวแลจาก สมเด็จ ฮุน เซน อยู่แล้ว เมื่อเพลี่ยงพล้ำต่อทหารไทย ก็ล่าถอย ทิ้งอาวุธ และเสบียงทั้งหมดทันที
- ยืนยันว่าเป็นการถอนกำลังตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.2568 ไม่ใช่เพิ่งมาถอนเพราะรับแรงกดดันจากการปิดด่านไม่ไหว หรือถอนกำลังเพื่อต่อรองให้ไทยเปิดด่าน ฉะนั้นสถานการณ์ยังคงเหมือนเดิม และไทยจะกดดันด้วยการปิดด่านต่อไป
2 พื้นที่ 4 จุด: ทหารไทยปักหมุด “ต้องยึดคืน”
สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังตึงเครียดและเผชิญหน้า คือ จุดที่ทหารไทยยังไม่สามารถยืดคืนได้ 100% ซึ่งปัจจุบันมี 2 พื้นที่ 4 จุด ได้แก่
1.ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ทหารกัมพูชายังคงยึดตัวปราสาท และเนินด้านหลังตัวปราสาทซึ่งเป็นจุดสูงข่ม ทั้งยังวางทุ่นระเบิดดักไว้จำนวนมาก
2.บริเวณช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี
จุดแรก บริเวณลานกว้างของช่องอานม้า ที่เคยเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ตาอม ยังเป็นจุดที่กำลังทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเข้ายึดครองได้ เพราะแต่ละฝ่ายอยู่บนจุดสูงข่มทั้งสองด้าน หากฝ่ายใดรุกเข้าไปจะถูกโจมตีทันที การเข้าพื้นที่ของคณะสังเกตการณ์แต่ละฝ่าย ต้องแจ้งอีกฝ่ายล่วงหน้า เพื่อป้องกันป้ญหาการปะทะกัน
จุดที่สอง เนิน 677 และจุดที่สาม เนิน 500 ทั้งสองเนินอยู่บริเวณโดยรอบช่องอานม้า ซึ่งเป็นเขตอธิปไตยไทย แต่กำลังของกัมพูชาไปยึดเอาไว้ และเป็นจุดสูงข่ม ทำให้มีความได้เปรียบทางยุทธวิธี