
พูดถึงปัญหาไทย-กัมพูชา นาทีนี้ ต้องพูดถึง “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลปัจจุบัน และ ว่าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในครม.อนุทิน1
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่คำสัมภาษณ์ของท่านที่มีความลักลั่น และทำให้เกิดปัญหาตามมา ถึงขั้น “ทัวร์ลง” ทั้งตัวท่านเอง รัฐบาลที่ยังไม่ตั้ง นายกฯอนุทิน รวมไปถึงสถานทูตญี่ปุ่น
แต่ปรากฏว่า ตำแหน่งของท่านเองก็มีความลักลั่น เพราะท่านเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ช่วงที่เริ่มมีปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา
แต่พอปัญหาขยายตัว จากคุกรุ่น ถึงลุกลาม และปะทุถึงจุดเดือด รัฐบาลพรรคเพื่อไทย มีการปรับคณะรัฐมนตรี โยก “บิ๊กอ้วน” พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ควบรองนายกฯ แต่กลับไม่ตั้งใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทน “บิ๊กอ้วน” และไม่ขยับ “บิ๊กเล็ก” ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการด้วย คงสภาพให้เป็นรัฐมนตรีช่วย แต่ให้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการ
เหตุนี้การทำงานของท่านจึงลักลั่น ไม่เต็มไม้เต็มมือ และด้วยความเป็นทหารอาชีพมาตลอดชีวิต ไม่ใช่นักการเมือง ส่งผลให้การวางบทบาทในทางการเมือง โดยเฉพาะการสื่อสาร และการให้สัมภาษณ์ค่อนข้างจะมีปัญหา
ย้อนคำพูดของ บิ๊กเล็ก ราวๆ เดือนกรกฎาคม 2568 ช่วงที่สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ถึงจุดพีคแล้ว “บิ๊กเล็ก” ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดใจยาวเหยียด และพูดเปรียบเปรยเกี่ยวกับ “หมา” 2 ประโยค 2 ช่วงด้วยกัน คือ
-หนึ่ง หมากัดเห็บในหางตัวเอง
-สอง หมานำราชสีห์
คำสัมภาษณ์ของท่านคือ “ตอนนี้ตัวผมเอง วิ่งเหมือนหมาที่กัดเห็บในหางตัวเอง คือพยายามจะทำให้ดีที่สุด”
และว่า “ผมจะโดนทั้ง 2 ทาง ขณะนี้พี่น้องอีก 70 จังหวัดก็จะมาด่าว่า ทำไมดูไม่เข้มแข็งเด็ดขาด เหมือนหมานำราชสีห์ แต่ไม่เคยว่าพี่น้อง 7 จังหวัดชายแดนว่าพวกเขาจะเดือดร้อนอย่างไร”
การให้สัมภาษณ์ในครั้งนั้น ทำให้ท่านโดนทัวร์ลงหนักยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกระแสวิจารณ์ที่ว่า ไม่ได้ขอร้องให้ท่านมาเป็นรัฐมนตรี ฉะนั้นเมื่อท่านสมัครใจมาเป็น ก็ต้องแก้ปัญหา และรับแรงกดดันให้ได้
เก่าไปใหม่มา... แต่ “บิ๊กเล็ก” คงกระพันกลาโหม!
“บิ๊กเล็ก” เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 20 รุ่นเดียวกับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นทหารราบ ตำแหน่งสูงสุดในกองทัพ คือ เสนาธิการทหารบก และ รอง ผบ.ทบ. ก่อนโอนย้ายไปเป็นเลขาธิการ สมช. และเคยทำหน้ามที่หัวหน้าส่วนอำนวยการ สำนักงานเลขาธิการ คสช. จึงมีความใกล้ชิดกับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้น
การสไลด์ไปเป็นเลขาธิการ สมช. ก็คือการหาทางลงจาก “บิ๊กตู่” ให้กับ “บิ๊กเล็ก” ถือเป็นตำแหน่งปลอบใจที่ไม่ได้ขึ้น ผบ.ทบ.
ช่วงที่เป็นเลขาธิการ สมช. ยังทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีลักษณะและโครงสร้างคล้ายๆ ศบ.ทก. หรือ ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในปัจจุบัน
ทั้งศูนย์โควิด และ ศบ.ทก. ล้วนมีปัญหาในตัวเอง และถูกวิจารณ์ในแต่ละช่วงเวลาไม่แพ้กัน ภายใต้การกำกับดูแลของคนคนเดียวกัน ก็คือ “บิ๊กเล็ก”
สำหรับฉายา “เข้าทีมไหน หัวหน้าทีมหายหมด” นั้น เป็นฉายาที่ได้รับในระยะหลัง เป็นเสียงกล่าวขวัญถึงที่ดังกว่าผลงาน เพราะ เริ่มเส้นทางการอย่างจริงจังในฐานะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ชื่อ สุทิน คลังแสง หรือ “บิ๊กทิน” ช่วงต้นของรัฐบาลเพื่อไทย ยุคนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ชื่อของ “บิ๊กเล็ก” ถูกอ้างถึงในแง่ของการเป็นตัวแทน “ลุงตู่” หรือ “กลุ่มอำนาจเก่าสายบิ๊กแดง”
แต่ “บิ๊กทิน” ก็จบไม่สวยในตำแหน่ง รมว.กลาโหม ขณะที่ “บิ๊กเล็ก” ยังไปต่อได้ จนรัฐบาลคุณเศรษฐา ล้มไป
ต่อมาในรัฐบาลนายกฯแพทองธาร “บิ๊กเล็ก” ได้เป็น รมช.กลาโหม และได้รับความไว้วางใจจาก “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย อย่างมาก
จากนั้น “บิ๊กอ้วน” ก็ต้องสละเก้าอี้ รมว.กลาโหม โดยที่พรรคเพื่อไทยหารัฐมนตรีแทนไม่ได้ แต่ก็ไม่ตั้ง “บิ๊กเล็ก” เป็นรัฐมนตรีว่าการ
“บิ๊กเล็ก” รับผิดชอบงานเต็มมือในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใน “ศึกเขมร” แต่ทำไปทำมา รัฐบาลโดนทัวร์ลง และสุดท้าย นายกฯแพทองธาร ก็มีอันต้องพ้นจากเก้าอี้ไป
แต่ “บิ๊กเล็ก” ยังอยู่ และอยู่ยงคงกระพันข้ามรัฐบาล แม้จะเป็นรัฐบาลคนละขั้วกับเพื่อไทย
ปรากฏว่า นายกฯอนุทิน เลือก “บิ๊กเล็ก” แหวกทุกกระแส ชนะแคนดิเดตทุกคน ผงาดขึ้นเป็นว่าที่ รมว.กลาโหม
แต่ยังไม่ทันได้รับแต่งตั้ง ปรากฏว่า คำสัมภาษณ์ของ “บิ๊กเล็ก” เรื่องเปิดด่าน ก็ทำให้ “นายกฯหนู” งานเข้า และกำลังจะโดน “กาวดักหนู” ตามที่ อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข เตือนเอาไว้