svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ทักษิณ" นอนเรือนจำคืน 3 พบความดันขึ้น แต่มียาประจำตัวจนดีขึ้น

"โฆษกกรมราชทัณฑ์" เผย "ทักษิณ" นอนเรือนจำคืน 3 พบความดันขึ้น แต่มียาประจำตัวจนดีขึ้น ไม่ได้ขอไปรักษา รพ.ราชทัณฑ์

กรณีการคุมขัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งบังคับโทษ 1 ปี 

 

 

12 กันยายน 2568 พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า

 

"เมื่อคืนนี้ เป็นคืนที่ 3 นายทักษิณมีอาการความดันขึ้น แต่เป็นอาการที่ดูแลรักษาได้ตามปกติ และยังไม่มีการร้องขอที่จะไปตรวจที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และยังนอนหลับ ทานอาหารได้ปกติ  และนายทักษิณมียารักโรคประจำตัวมาทานด้วย และหลังครบกำหนดช่วงกักโรค ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.นี้ ญาติ ครอบครัว สามารถเข้าเยี่ยมได้แล้ว"

 

 

ส่วนกรณีที่นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงให้ชัดเจน กรณีการปรับพื้นที่เขตเรือนจำกลางคลองเปรม เพิ่มใหม่เข้าไปในพื้นที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในวันที่ 5 ก.ย. 2568 นั้น  


โฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า เดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เรือนจำกลางคลองเปรม แต่ช่วงโควิด ได้มีการปรับให้ไปเป็นพื้นที่ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะคนไข้ล้น  พอหมดสถานการณ์โควิด ก็ปรับกลับมาให้เป็นพื้นที่ของเรือนจำกลางคลองเปรม ยืนยันว่า ไม่ได้ปรับพื้นที่เพื่อเอื้ออำนวยให้กับนายทักษิณ 


   


“เหมือนเราเป็นเจ้าของบ้าน มีที่บ้านของเรา และมีความจำเป็นก็ปรับกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา พอหมดความจำเป็นก็ปรับกลับมา ไม่ได้มีอะไรเลย ซึ่งโดยพื้นที่ของเรือนจำกลางกลางเปรม ที่ปรับไปให้พื้นที่กับโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีทั้งหมด 6 ไร่ เพื่อให้สอดรับกับการดูแลในสถานการณ์โควิด แต่ไม่ว่าพื้นที่ตรงไหนที่ปรับก็เป็นของเรือนจำ และโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็คือเรือนจำทั้งหมด”

 


ส่วนกรณีข้อเรียกร้องของกลุ่ม คปท. ที่ต้องการให้ปรับสถานะนักโทษของนายทักษิณให้ไปอยู่สถานะนักโทษชั้นเลว 


โฆษกกรมราชทัณฑ์ บอกว่า ทางเราเพิ่งได้รับหนังสือเรียกร้อง และจะต้องเสนอถึงท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์จะให้ฝ่ายกฎหมายดูรายละเอียดก่อนว่ายังไง  ยกตัวอย่างกรณีของ แป้งนาโหนด เป็นการหนีคุกไป พอกลับมาก็จะเป็นนักโทษที่ต่ำกว่าชั้นกลาง แต่กรณีของนายทักษิณ ยังไม่ได้หนีไป จึงมีความแตกต่างกับการหลบหนี และขณะนี้ยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการพิจารณาชั้นนักโทษกับนายทักษิณ เพราะจะต้องส่งหนังสือให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์พิจารณา จึงยังไม่ได้ข้อสรุปในตอนนี้

 


“ไม่ได้หนี เพราะจริงๆก็ไปอยู่ใน รพ.ตำรวจ ก็เป็นการถูกจำคุก และตอนพักการลงโทษ ก็ใส่กำไลอีเอ็มควบรุมตัวอยู่ไม่ได้หนี ส่วนจะตีความว่า ชั้นนักโทษจะลดลงหรือไม่ลดลง จะต้องนำเรียนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก่อน เพื่อให้ท่านสั่งการในการตีความและดูข้อเท็จจริงเรื่องนี้”

 

ส่วนการที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งออกมานั้น ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงการจำคุกหรือไม่นั้น ก็ถือว่า กรมราชทัณฑ์ นำตัวนายทักษิณ กลับมาดำเนินการตามกฎหมายในการมาจำคุกที่คลองเปรม ซึ่งข้อเสนอของทางกลุ่ม คปท ที่ยื่นมา ก็จะรอกระบวนการพิจารณาของอธิบดีกรมราชทัณฑ์

 

ส่วน ป.ป.ช. ให้พิจารณาถึงระเบียบการคุมขังนักโทษนอกเรือนจำ ให้มีรูปแบบที่ชัดเจน

 

โฆษกกรมราชทัณฑ์ บอกว่า ทางกรมราชทัณฑ์ ก็รับข้อเสนออยู่แล้ว และในทางปฏิบัตืจริงๆ ไม่ได้มีจะให้ไปคุมขังในสถานที่อื่น เพราะการคุมขังสถานที่อื่น จะต้องมีการติดกำไลอีเอ็มด้วย ซึ่งกรมราชทัณฑ์พึ่งจะของบประมาณไป แต่ยังไม่ได้งบประมาณมาจัดซื้อกำไลอีเอ็ม

 

 

กฎกระทรวงว่าตามหลักแล้วทำได้หรือไม่ 

 

โฆษกกรมราชทัณฑ์ บอกว่า ตามกฎกระทรวง ปี 2563 มีมาก่อนแล้วเรื่องคุมขังนอกเรือนจำ และมีการออกระเบียบเมื่อปี 2566 และออกประกาศ ปี 2568  แต่ความเป็นจริงแล้ว

 

"ระเบียบตัวนี้ออกมาแต่ยังไม่เคยใช้ อย่างที่ ป.ป.ช. บอกว่า มีรายละเอียดเยอะให้ไปทบทวน จึงยังไม่ได้มีการใช้ ประกอบกับจะต้องมี กำไลอีเอ็มของกรมราชทัณฑ์ด้วย ไม่ใช่กำไลอีเอ็มของกรมคุมประพฤติ เพราะได้ของบประมาณไปในปี 2569 แล้ววัตถุประสงค์เพื่อคุมขังในสถานที่อื่น และผู่ต้องจังที่ทำงานสาธารณะ ก็ต้องใช้กำไลติดเพื่อติดตามตัว และเกี่ยวกับผู้ต้องจังล้นเรือนจำ จึงมีระเบียบเรื่องคุมขังในสถานที่อื่นออกมาใช้ แต่ยังไม่ได้ใช้กับใครเลยสักคน"

 

 

มีโอกาสที่จะได้นำระเบียบมาใช้ในครั้งนี้กับกรณีของนายทักษิณหรือไม่ 


โฆษกกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า “ยังไม่ใช้ ผมคอนเฟิร์ม ยืนยัน ยังไม่ใช้ เพราะยังไม่มีความสมบูรณ์ ยังไม่มีกำไลอีเอ็ม ใช้ระเบียบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว จะต้องมีกำไลอีเอ็มเพื่อระบุได้ว่าอยู่ตรงไหน ถ้าไม่มีก็ใช้ไม่ได้”


"ส่วนเรื่องการพักการลงโทษ ก็มีในกฎกระทรวงรองรับ และมีหลักการคือต้องรับโทษ 2 ใน 3 แต่ถ้าอายุเกิน 70 ปี มีอาการเจ็บป่วย อยู่เรือนจำ 1 ใน 3 ก็พักการลงโทษได้ ซึ่งเราก็ใช่มากับนักโทษหลายคนมานานแล้ว"

 


ส่วนเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ 

 

โฆษกกรมราชทัณฑ์ บอกว่า นักโทษทุกคนที่เข้าเกณฑ์ มีสิทธิทำได้หมด เพราะเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล