svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ดีลลับ! อินไซด์ แดงคุยส้ม อ่านเกมและโอกาสล้มน้ำเงิน ไม่ยาก

อินไซด์ดีลลับ! แดงคุยส้ม อ่านเกมจังหวะก้าว ล้มรัฐบาลอนุทิน-ยุบสภา ไม่ใช่เรื่องยาก อ.รัฐศาสตร์ ชี้แนวทางเพื่อไทยไม่ดับสูญ ต้องเปลี่ยนดีเอ็นเอ ตั้งมั่นประชาธิปไตย

“การเมืองสามก๊ก” ยังคงสถิตย์อยู่กับประเทศไทยต่อไป แม้จะมีสภาพ “สามเหลี่ยมมรณะ” เนื่องจาก “พรรคส้ม กับ พรรคน้ำเงิน” ชิงจังหวะนรก จับมือกัน “หัก” พรรคสีแดง จนตกจากอำนาจอย่างเจ็บแสบไปแล้วก็ตาม

 

หนำซ้ำ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเดินเข้าคุก และเกิดภาวะ “เลือดไหลออก” จากพรรคเพื่อไทยครั้งใหญ่ จนหลายฝ่ายประเมินว่า พรรคเพื่อไทย และตระกูลชินวัตร น่าจะถึงคราวล่มสลายทางการเมือง

 

แต่ “ข่าวข้นคนข่าว เนชั่นทีวี” มีข้อมูลใหม่มาเล่าให้ฟัง ว่าการเมืองไทยจะยังอยู่ในภาวะ “สามก๊ก - สามเหลี่ยมมรณะ” เพราะ เริ่มเห็นร่องรอยว่า

 

  • “พรรคเพื่อไทย” ไม่ยอมตาย
  • ตระกูลชินวัตร ยังไม่ยอมพ่ายแพ้ทางการเมือง
  • มีดีลซ้อนดีล ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคประชาชน
  • ดีล พรรคภูมิใจไทย กับ พรรคประชาชน เริ่มนับถอยหลังสู่จุดจบ

แพทองธาร ชินวัตร (ซ้าย) ทักษิณ ชินวัตร (ขวา)

 

“แดง” แกล้งตาย - “แม้ว” ได้ใจ - “อิ๊งค์” สั่งลุย

 

เริ่มจากฝ่าย “พรรคสีแดง - เพื่อไทย” ใครที่คิดว่า พรรคเพื่อไทยสูญเสียอำนาจรอบนี้ แล้วจะถึงจุดจบ ต้องบอกว่า “ไม่จริง” เพราะ โพสต์ก่อนเข้าคุกของนายทักษิณ แม้จะโพสต์โดยทีมงาน แต่ข้อความย่อหน้าสุดท้ายชัดเจนว่า ยังส่งสัญญาณทำงานการเมืองต่อไป

 

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 พรรคเพื่อไทยประชุมพรรคกัน โดยเจาะจงประชุมในวันเดียวกับที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำสั่งคดีชั้น 14 แม้จะมีการประชุมพรรคอยู่แล้ว แต่โดยปกติ เมื่อผู้นำจิตวิญญาณมีวาระสำคัญทางศาล ถึงขั้น “ชี้เป็นชี้ตาย” ก็น่าจะมีการไปให้กำลังใจ แต่พรรคเพื่อไทยกลับทำทุกอย่างเหมือนเป็นปกติ

 

ที่สำคัญ อดีตนายกฯอิ๊งค์ ยังเข้าพรรค ไปทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน และเตรียมผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ครบ 400 เขต แปลว่ามีความมุ่งมั่นไม่ให้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี อยู่ยาว

 

ขณะที่อีกด้าน ลูกพรรคและแกนนำพรรคก็พยายามสร้างกระแส เชิดชูนายทักษิณเป็น “วีรบุรุษประชาธิปไตย” และเป็น “สุภาพบุรุษทางการเมือง” เพราะตัดสินใจยอมรับโทษ เดินอย่างสง่าเข้าคุก ทั้งๆ ที่สามารถหลบหนีอยู่เมืองนอกได้สบายๆ

แต่ละเว้น ไม่พูดถึงการพยายามเบี่ยงเบน เล่นแง่ และใช้แนวทางศรีธนญชัยเลี่ยงคุกมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

 

แกนนำพรรคที่ว่า เป็นระดับ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และ “บิ๊กเสริฐ” ประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย

 

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์​ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า เมื่อนายทักษิณตัดสินใจรับโทษอย่างองอาจ ทำให้ต้องวิเคราะห์ทิศทางการเมืองใหม่ทั้งหมด สิ่งที่วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ใช้ไม่ได้ โดยแนววิเคราะห์ใหม่ ก็คือ  เพื่อไทยยังไม่ตาย ยังไปต่อได้ และ อาจจะขยับเปลี่ยนผู้นำพรรคในอนาคต แต่ขณะนี้มีภาพว่า “ชินวัตรยังอยู่” เพราะคุณอุ๊งอิ๊งแสดงท่าทีไม่ทิ้งพรรค

 

แนวทางคือ ฟื้นดีเอ็นเอความเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนผลงานสำคัญในอดีต ประชาชนก็ยังจำได้ แต่ภาพที่เสียไปคือ “พรรคฝ่ายประชาธิปไตย” หากฟื้นตรงนี้กลับมาได้ โอกาสที่จะกลับมาก็มี เนื่องจากเป็น “ดีเอ็นเอ” เดียวกันกับพรรคสีส้ม หรือพรรคประชาชน หากการเมืองยังเป็น “สามก๊ก” แบบนี้ ไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมาก เกินกึ่งหนึ่ง หรือเกือบกึ่งหนึ่งของสภา หรือเป็นพรรคใหญ่พรรคเดียว ก็จะทำให้พรรคใหญ่ 2 พรรค หรือ 2 ก๊ก จับมือกันตั้งรัฐบาล ฉะนั้นพรรคเพื่อไทยจะยังมีบทบาทในทางการเมืองไทย และเป็นตัวแปรการเมืองได้อยู่

 

อีกด้าน เป็นมุมมองจาก นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ที่ยื่นคำร้องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเดินหน้า ตรวจสอบ “การบังคับโทษ” นายทักษิณ

 

นายชาญชัย เชื่อเช่นกัน ว่า นายทักษิณไม่มีทางวางมือทางการเมือง เพราะ “การเมือง” ทำให้ตัวนายทักษิณอยู่ได้ โดยเฉพาะธุรกิจของครอบครัว ที่สำคัญนายชาญชัยบอกด้วยว่า การพลิกเกมเพื่อล้มพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เรื่องยาก และยังมองว่า การเมืองขณะนี้เหมือน “ละครลิง” เล่นหลอกประชาชนกันอยู่

 

เพื่อไทยมี สส.เกือบจะมากกว่ารัฐบาลทั้งรัฐบาล เช่นเดียวกับพรรคประชาชน คือ มี สส. 140 บวกลบ แต่รัฐบาลเสียงข้างน้อยของ นายอนุทิน มีเสียงสนับสนุนตามที่แถลง อยู่ที่ 146 เสียงเท่านั้น

 

นายชาญชัย ยกตัวอย่างเป็นฉากทัศน์การเมืองว่า ถ้ารัฐบาล “หนู 1” แถลงนโยบายแล้ว พรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที เน้นประเด็นเขากระโดง ฮั้ว สว. หรือประเด็นทุจริตอื่นๆ แล้วให้พรรคประชาชนอยู่เฉยๆ

 

แพทองธาร ชินวัตร

 

อ่านเกมล้มรัฐบาล-ยุบสภา

 

เมื่อถึงเวลาโหวต ก็จับมือกันโหวต ให้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ล้มรัฐบาลได้ เกิดการยุบสภาทันที ไม่ต้องรอ 4 เดือน เรื่องแบบเนี้ก็เกิดขึ้นได้

 

จำนวนเสียงของ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” น้อยอย่างน่าใจหาย โอกาสถูกหักหลัง ตามทฤษฎี “สามเหลี่ยมมรณะ” มีโอกาสทุกเมื่อ ถ้า “ส้ม กับ น้ำเงิน” คุยกันไม่ลงตัว

 

จำนวนเสียง สส.ฝ่ายค้านกับรัฐบาล ซึ่งเป็นเสียงทางการ นับจำนวน สส.ที่สังกัดอยู่จริง จะเห็นว่า เสียงของรัฐบาล ห่างจากฝ่ายค้านมากกว่า 1 เท่าตัว เพราะแค่พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน รวมกัน ก็เกือบ 300 เสียงแล้ว  

 

แม้ตอนโหวตนายกฯอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะได้คะแนนโหวตมากถึง 311 เสียง แต่เสียงจริงต้องหัก 143 เสียง ของพรรคประชาชนออกไปก่อน / ก็จะเหลือแค่ 167 เสียง (ไม่นับเสียงนายอนุทินที่งดออกเสียง)

 

ขณะที่เสียงกึ่งหนึ่งของสภาปัจจุบัน อยู่ที่ 246 เสียง จากจำนวน สส.เท่าที่มีอยู่ 491 คน การจะมีเสียงข้างมาก ต้องหา สส.มาสนับสนุนอีก 80 คน

 

แม้ในอนาคตอันใกล้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจสรุปผลการไต่สวนกรณี 44 สส.พรรคก้าวไกล และส่งศาลฎีกา จนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ในจำนวน 44 สส. ก็มี สส.ในสภาปัจจุบันแค่ 25 คน หาก สส.จำนวนนี้หายไป จะทำให้จำนวน สส.เท่าที่เหลืออยู่ และปฏิบัติหน้าที่ได้ จำนวน 466 คน กึ่งหนึ่งของสภา คือ 233 คน หากรัฐบาลนายอนุทิน ต้องการเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ยังต้องการเสียงสนับสนุนอีกมากกว่า 60 เสียง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหากหวังงูเห่าจากพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กับชาติไทยพัฒนา หากจะเปลี่ยนขั้วข้ามมา ก็ไม่มีตำแหน่งให้ ฉะนั้นอยู่เฉยๆ รอล้มรัฐบาล หรือทำให้ยุบสภาเร็วๆ น่าจะง่ายกว่า

 

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

 

“ข่าวข้นคนข่าว” ได้รับข้อมูล “ดีลซ้อนดีล” ที่อาจทำให้การเมืองพลิกผันได้ทุกเมื่อ กล่าวคือ

 

  • ดีล “ส้ม กับ น้ำเงิน” มีจริง จนเกิดการตั้งรัฐบาล หนู 1
  • “สีแดง” ก็พยายามงอนง้อขอคืนดีกับ “สีส้ม”
  • ปรากฏว่า บุคคลระดับผู้นำจิตวิญญาณสีส้ม เคลียร์ใจกับแกนนำพรรคตัวเอง และแกนนำพรรคสีแดง
  • มีการพูดคุยกันในทางลับที่ร้านลับแห่งหนึ่ง คำตอบที่ได้จากผู้นำจิตวิญญาณสีส้ม ก็คือ “แดงกับส้ม ไม่ได้ล้มดีล เพราะวันนี้ก็ยังเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน” แปลว่ายังร่วมงานกันได้อยู่ ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต

 

กล่าวเฉพาะอนาคตของ “พรรคสีแดง” หรือ เพื่อไทย ชัดเจนว่า มีโอกาสฟื้นคะแนนนิยมกลับมา แต่ก็มีความท้าทายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

 

โอกาสที่จะฟื้น หลังจากแกล้งตาย ก็คือ พรรคเพื่อไทยยังมีผลงานความสำเร็จในอดีต ทำให้หาเสียงง่าย คนไทยจำนวนไม่น้อยยังจำได้ พรรคเพื่อไทยมีความเป็นพรรคการเมืองใหญ่ มี สส.มาก เครือข่ายเยอะ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านใหญ่ ฉะนั้นโจทย์ยาก คือ ต้องหยุด “เลือดไหลออก” ให้ได้เสียก่อน

 

การหยุดเลือดไหลออกก็คือ “ผู้นำจิตวิญญาณ” ส่งสัญญาณไม่ทิ้งพรรค ไม่เลิกเล่นการเมือง ถือว่าปลดความเสี่ยงสำคัญไปแล้ว ท่าทีของคุณอุ๊งอิ๊ง ซึ่งมี passion การเมืองสูงสุด และสีหน้าท่าทาง เต็มไปด้วยไฟแค้น สะท้อนว่า “ชินวัตร” ก็ยังสู้ต่อ ด้วยความเป็น “พรรคชินวัตร” ต้องยอมรับว่า ทั้งกระสุน และ บารมี ยังมีความพร้อมมากพอที่จะพลิกเกม  ที่สำคัญ “พรรคส้ม” ยังพร้อมเป็นพันธมิตร จากข้อมูล “ลึกลับ ที่ร้านลับแห่งหนึ่ง”

 

อนุทิน ชาญวีรกูล

 

อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลภูมิใจไทย กับ พรรคส้ม มีโอกาสปะทะกันได้ทุกเมื่อ ซึ่งเราจะขยายความต่อไป

 

ส่วนความเป็นไปได้ที่เพื่อไทยจะไม่ฟื้น คือ ตายจริงๆ หลังจากแกล้งตาย ก็คือ วิกฤตครั้งนี้ไม่ได้ถูกกลั่นแกล้ง แต่ “นายใหญ่ทำตัวเอง” ไม่เกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตยหรือเผด็จการ จะมาอ้างเผด็จการข่มเหง ไม่ได้อีกลแล้ว ผลงานที่เคยมี รอบนี้ไม่มี ล้มเหลวทั้งหมด (แจกเงินหมื่น , ค่าแรง 600 , ปริญญาตรี 2.5 หมื่น , รถไฟฟ้า 20 บาท ฯลฯ) ตระกูลชินวัตรเริ่มหมดตัวเล่น ต้องอาศัยเซเลบการเมืองคนอื่น

 

ข่าวล่าสุด นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีข่าวได้รับการทาบทามจาก “เบอร์ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ให้กลับมาเป็น “แคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทย” หรือ “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” สู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ปฏิเสธ  และไม่ได้ปฏิเสธกับนักข่าว แต่ปฏิเสธกับทีมงานของ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่ไปสอบถามนายชัชชาติโดยตรง

 

ขณะที่นายทักษิณเอง หากติดคุกยาว ไม่ได้ออกมาเร็วตามแผน เมื่อพ้นโทษแล้ว อาจหมดไฟ เหมือนหลายคนที่เคยผ่านเรือนจำ