
คำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ระบุว่า การบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีนอนรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ เป็นไปโดยไม่ชอบ และมีคำสั่งให้เริ่มนับ 1 จำคุกใหม่เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
1.ศาลมีอำนาจไต่สวนการบังคับโทษของจำเลย - เพราะความปรากฏต่อศาลว่าอาจมีการบังคับโทษไม่เป็นไปตามหมายจำคุก
2.มีข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อศาล
3.การไต่สวนของศาล ไม่ซ้ำกับคำสั่งศาลที่ให้ยกคำร้องของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์
4.การบังคับโทษตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
- พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ และกฎกระทรวง ระบุชัด การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ต้องได้รับการตรวจจากแพทย์ในสถานพยาบาลของเรือนจำก่อน
- โรงพยาบาลราชทัณฑ์ห่างจากจุดเกิดเหตุอ้างป่วยแค่ 200 เมตร
- ส่งตัวไปถึงโรงพยาบาลตำรวจ ไปพักห้องพิเศษชั้น 14 ซึ่งไม่ใช่ห้องฉุกเฉิน หรือห้องอุบัติเหตุ ถือว่าขัดระเบียบโรงพยาบาลตำรวจ กรณีรับผู้ต้องขัง หรือนักโทษนอกเวลาราชการ
- ตรวจเวชระเบียนย้อนหลัง ไม่มีการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และไม่มีการตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจมาดูอาการทันที
- ผอ.โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยืนยันมีเครื่องมือตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ มียาขยายหลอดลม และยาลดความดันโลหิตที่ใช้รักษาจำเลยได้ อาการของจำเลยในคืนเกิดเหตุ จึงไม่จำเป็นต้องส่งไปรักษานอกเรือนจำ
-เชื่อว่าคืนวันที่ 22 ส.ค.66 จำเลยไม่ได้มีอาการแน่นหน้าอก แต่ใช้เหตุนี้มาอ้างในการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
- 24 ส.ค.66 เวชระเบียนระบุว่า อาการของจำเลย สามารถกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้
- มีการขออนุญาตให้รักษานอกเรือนจำต่อไปเกิน 30 วัน 60 วัน และ 120 วัน โดยอ้างเหตุ ต้องผ่าตัดเร่งด่วน รักษาอาการสมองขาดเลือด และผ่าตัดภาวะกระดูกคอเสื่อม
แต่การผ่าตัดตามที่ระบุในใบแสดงความเห็นแพทย์ เป็นการผ่าตัดนิ้วล็อก เอ็นหัวไหล่ขวาฉีกขาดจากอุบัติเหตุขณะพักโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนกระดูกคอเสื่อมทับเส้นประสาท ปฏิเสธการผ่าตัด
-จากข้อเท็จจริงไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน
-เข้ามามีส่วนตัดสินใจในกระบวนการรักษาของแพทย์ โดยปฏิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจและโรคกระดูกคอกดทับเส้นประสาท
- เลือกผ่าตัดนิ้วล็อก และเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน
-เป็นผลให้ขยายเวลารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจออกไป ซึ่งตนได้รับประโยชน์ ไม่ต้องกลับไปคุมขังในเรือนจำ
- จำเลยได้รับพระราชทานอภัยโทษ เหลือ 1 ปี จึงต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาต่อไปอีก 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.68
- แต่เมื่อการบังคับโทษจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กระบวนการพักการลงโทษจึงไม่มีผลตามกฎหมาย
- ไม่อาจนำเอาระยะเวลาที่พักอยู่โรงพยาบาลตำรวจมาหักเป็นวันคุมขังได้
- ต้องรับโทษจำคุกอีก 1 ปี ตามพระบรมราชโองการ