
8 กันยายน 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณา 901 ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน(ปชน.) เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3)
โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาที่ศาลด้วย
กรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊คตัวเอง เกี่ยวกับ #ราษฎรสาส์น จดหมายข้อความถึงสถาบันฯ ซึ่งมีเนื้อหาแสดงความคิดเห็นต่อสถาบัน เช่น การไปพักอาศัยในต่างประเทศ การโอนอัตรา กําลังพลและงบประมาณไปเป็นส่วนราชการในพระองค์ การใช้จ่ายงบประมาณของสถาบันที่ฟุ่มเฟือย และการเลื่อนยศตำแหน่งให้กับข้าราชการและพลเรือน ซึ่งข้อความดังกล่าว เป็นการ ดูหมิ่น เหยียดหยาม สถาบัน ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
วันนี้ น.ส.ชลธิชา เดินทางมาศาล กล่าวว่า ตนไม่ได้ห่วงกังวลเรื่องอะไร เพราะในช่วงที่มีการสืบพยานต่อสู้คดีความ ตนทำหน้าที่ในการต่อสู้คดีความอย่างเต็มที่ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการเตรียมข้อเท็จจริงต่างๆแล้วก็หลักการและเหตุผลรวมไปถึงข้อกฎหมายต่างๆที่เกิดขึ้นจากการปราศรัยของตน เพราะฉะนั้นแล้วไม่ได้หวงกังวลอะไรที่สำคัญอย่างในวันนี้ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาในลักษณะไหนก็แล้วแต่ ตนได้เตรียมตัวเรื่องของการประกันตัว คาดหวังว่าอย่างน้อยศาลจะให้สิทธิ์ในการประกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และที่สำคัญการพิพากษาในวันนี้เป็นแค่ศาลชั้นต้น ยังมีศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกา ซึ่งแน่นอนว่าคาดหวังว่าสิทธิในการประกันตัว เพื่อไปต่อสู้คดีความในชั้นอุทธรณ์ก็จะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับ
เมื่อถามว่ากรณีที่ช่วงนี้เป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎรทำไมไม่ใช้เอกสิทธิ์ สส.คุ้มครองแต่เลือกที่จะมาฟังคำพิพากษา
น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า เรื่องของคำพิพากษาใช้เอกสิทธิ์ไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่ามั่นใจในพยานหลักฐานที่จะนำมาหักล้างข้อกล่าวหาอย่างไร
น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า จริงๆแล้วถ้าพูดตามตรงก็ต้องบอกว่าค่อนข้างมั่นใจเพราะอย่างที่บอกทุกคำปราศรัยตั้งแต่คดีความที่ศาลธัญญบุรีศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปี ทุกคำปราศรัยก็จะมีกฎหมายรองรับไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกกฎหมายในช่วงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมองว่ามีปัญหาในเรื่องของการใช้พระราชอำนาจกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือว่าการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งก็มีคำปราศรัยของเพื่อน สส.
ซึ่งตอนนั้นเป็นอดีตพรรคก้าวไกลอย่าง น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ก็ปราศรัยไว้ค่อนข้างดี ทำให้สังคมค่อนข้างเห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับ การจัดสรรงบประมาณของการของสถาบันพระมหากษัตริย์ในช่วงเวลาดังกล่าว
ดังนั้นแล้วทุกคำปราศรัยทุกถ้อยคำที่ปราศรัยไปในช่วงวันนั้นก็เป็นคำปราศรัยที่มาจากความสนิทใจและและความบริสุทธิ์ใจที่มีความปรารถนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่อยากจะเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ยืนยงและมั่นคงในประเทศประเทศไทย
เมื่อถามว่ามีการเตรียมความพร้อมไว้อย่างไรถ้าศาลไม่ให้ประกันตัวจะมีผลต่อตำแหน่ง สส. หรือไม่
น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า เรื่องนี้มีการเตรียมความพร้อมทั้ง 2 ฝ่าย แต่รวมไปถึงทางพรรคประชาชนเอง มีการเตรียมความพร้อมในทุกกรณี ไม่ว่าดิฉันจะสามารถออกมาทำหน้าที่ในฐานะ สส.ในวันนี้ได้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ประชาชนในพื้นที่มั่นใจว่าประชาชนจะมีผู้แทนในเขตนั้นและมีผู้แทนทำหน้าที่ในการดูแลพวกเขาอย่างเต็มที่แน่นอน
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายเเล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
พิพากษา จำคุกจำเลย 4 ปี คำเบิกความจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
โดยทนายความของน.ส.ชลธิชา จำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์จำนวน 3 แสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีที่รวมโทษจำคุก อีก 2 ปี น.ส.ชลธิชา นั้นสืบเนื่องจากการปราศรัยในกลุ่มคาร์ม็อบ โจมตีการทำงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการชุมนุมกลุ่มคาร์ม็อบบริเวณหน้าห้างฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต เมื่อปี 64
ต่อมานายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ สส.กทม.พรรคประชาชน ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจเปิดเผยว่า ก่อนหน้า นี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาชน ได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท ล่าสุดศาลอาญามีคำสั่งให้ส่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของน.ส.ชลธิชา ให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณา ว่าจะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่ โดยนายปิยเทพให้เหตุผลว่าเนื่องจากเป็นคดีสำคัญและสาธารณะชนจับตามอง รวมทั้งคดีดังกล่าวจะต้องเข้าสู่ชั้นอุทธรณ์อยู่แล้ว จึงเห็นสมควรส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาเพื่อความรอบคอบ
ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ว่าจะมีความเห็นอย่างไร ซึ่งตามปกติหากส่งเรื่องภายในช่วงบ่าย จะมีคำสั่งได้ภายในช่วงเย็นวันนี้ แต่ถ้าศาลอุทธรณ์ ไม่สามารถพิจารณาภายในวันนี้ได้ ก็อาจจะต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างน้อย 1-2 วัน ซึ่งวันนี้จะต้องส่งตัวลูกเกดเข้าเรือนจำ ก็จะทำให้ความเป็นสมาชิกภาพส.ส.ของน.ส.ชลธิชาสิ้นสุดลงทันที