
5 กันยายน 2568 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในวันนี้ (5 ก.ย.) มีวาระสำคัญในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ระหว่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ ตามการเสนอของนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่ถูกเสนอชื่อโดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ หลังที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ สส.ได้อภิปรายคุณสมบัติ ลักษณะ และความเหมาะสมของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีฝ่ายละ 1 ชั่วโมง
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้สนับสนุนนายชัยเกษม โดยเห็นว่า ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน หรือ MOA 5 ข้อ ในการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นข้อตกลงที่ขัดหลักการปกครองเสียงข้างมาก และเคารพเสียงข้างน้อย ที่พรรคประชาชน ไม่ร่วมคณะรัฐมนตรี และจะใช้กลไกสภา ควบคุมตรวจสอบรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ซึ่งหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จะมีเสียงไว้วางใจได้อย่างไร และหลักเสียงข้างมาก 14 ล้านเสียง มอบให้พรรคประชาชน และ 1 ล้านเสียงให้พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน ก็กำลังมอบ 14 ล้านเสียง ให้ 1 ล้านเสียง ซึ่งเป็นการทำลายหลักประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง และยังเป็นการยอมรับอำนาจนอกระบบ เข้ามาครอบงำชี้นำสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากนั้น สส.พรรคเพื่อไทย ยังได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ (5 ก.ย.) เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (5 ก.ย.) เพราะเป็นที่น่ากังวลว่า การที่พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย มีข้อตกลงร่วมกัน ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่ สส.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ข้อผูกมัด อาณัติครอบงำใด ๆ โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์
ซึ่ง MOA ดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของพรรคประชาชน และนายอนุทิน เพราะเมื่อมีการยุบสภา และมีการเลือกตั้ง พรรคประชาชน ก็จะเป็นอันดับ 1 จึงไม่น่าแปลกใจที่พรรคประชาชน เรียกร้องให้มีการยุบสภา แต่การกระทำด้วยวิธีการเช่นนี้ กระบวนการนั้นมิชอบ เข้าข่ายการล้มล้างระบอบการปกครอง เพราะเป็นการครอบงำ เพื่อให้ สส.ให้ได้อำนาจมาซึ่งไม่ชอบธรรม ดังนั้น เมื่อมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว การดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรี ควรระงับยับยั้งไว้ก่อน และรอว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาอย่างไรก่อน