
ที่กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบาแบบที่ 8 หรือ AT-6TH (เอ-ที-ซิกซ์) นามเรียกขาน "วูล์ฟเวอรีน" จำนวน 8 เครื่อง
โดยมีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คณะผู้สังเกตการณ์ภายใต้ข้อตกลงคุณธรรม ผู้แทนส่วนราชการ ตลอดจนผู้แทนจากบริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด บริษัท Textron Aviation Defense LLC บริษัท Sam Teltech และบริษัท RVC เข้าร่วมพิธี
ทั้งนี้ กองทัพอากาศ ได้ดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินโจมตีเบา (AT-6TH) จำนวน 8 เครื่อง จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าประจำการ ณ ฝูงบิน 411 กองบิน 41 ทดแทนเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่ 1 (L-39ZA/ART) ที่ปลดประจำการไปเมื่อ 31 มีนาคม 2564 โดยการจัดหาดังกล่าวได้มีการลงนามสัญญากับบริษัท Textron Aviation Defense LLC เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 ภายใต้ข้อตกลงคุณธรรม เพื่อให้การใช้งบประมาณของรัฐเป็นไปด้วยความโปร่งใส คุ้มค่า มีประสิทธิผล และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
โดย กองทัพอากาศ ได้ส่งนักบิน 8 นาย เข้ารับการฝึกบินกับเครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ณ สหรัฐอเมริกา โดยสำเร็จหลักสูตรครูการบิน และนักบินทดสอบครบถ้วน พร้อมผลการฝึกที่อยู่ในระดับดีเยี่ยม ทำให้การจัดหาเครื่องบินครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีการบินของกองทัพอากาศให้ทันสมัย และมีความพร้อมรอบด้าน โดยปัจจุบันมีนักบิน AT-6 TH พร้อมปฏิบัติภารกิจ 20-25 นาย
นอกจากอากาศยานแล้ว โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ การฝึกอบรม และการปรับปรุงอาคารสถาที่สนับสนุนจากโครงการช่วยเหลือทางทหารแบบให้เปล่า US Title 10 Chapter 16 Section 333 Authority to Build Capability ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ อาทิ การโจมตีทางอากาศ การค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่รบ การลาดตระเวน การสนับสนุนการรบภาคพื้น การสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนและขนส่งยาเสพติด ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น การควบคุมไฟป่าและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น
ผบ.ทอ. ได้กล่าวย้ำว่า การจัดหาในครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความโปร่งใส มีประโยชน์ และคุ้มค่าอย่างแท้จริง โดยปัจจุบันฝูงบิน 411 ได้รับมอบเครื่องบินครบ 8 เครื่องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ได้รับการพิจารณาในการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนติดอาวุธและสนับสนุนการป้องกันประเทศอย่างเต็มศักยภาพ โดยการบรรจุประจำการ AT-6TH ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของฝูงบิน 411 กองบิน 41 และกองทัพอากาศ ที่จะนำไปสู่การบูรณาการด้านการปฏิบัติการบิน ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ
จากนั้น ผบ.ทอ. ให้สัมภาษณ์ว่า AT-6TH ที่ซื้อจากสหรัฐฯ เป็นโครงการที่อยู่ในลักษณะคล้ายว่ามีข้อตกลงคุณธรรม ที่มีคณะกรรมการทำให้โครงการนี้ รับประกันได้ว่านอกจากจะมีประโยชน์ด้านความมั่นคงแล้ว ยังมีความร่วมมือกับสหรัฐฯ และเป็นโครงการที่ตรวจสอบได้ ถือเป็นโครงการต้นแบบของกองทัพอากาศ และยังจะมีโครงการอื่นๆ อีก ที่เกี่ยวกับข้อตกลงคุณธรรม
เมื่อถามว่า ก่อนที่จะเข้าประจำการได้มีการปฏิบัติภารกิจมาแล้วในเรื่องของภัยพิบัติภาคเหนือ ผบ.ทอ. บอกว่า เครื่องบินมีการทยอยเข้ามาประจำการ ซึ่งเครื่องบินที่เข้ามาก่อนได้ทำการฝึกบินและเข้าปฏิบัติภารกิจตามขีดความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาภัยพิบัติ การถ่ายภาพลงมาเพื่อให้ข้างล่างได้เห็น ว่ามีพื้นที่ตรงไหนที่น้ำท่วมในภาคเหนือ หรือมีพื้นที่ไฟป่า ซึ่งเราสามารถติดกล้องขึ้นไปลาดตระเวนได้ และส่งข้อมูลดาวน์ลิงค์ลงมา
เมื่อถามว่า ในช่วงช่วยรบไทย-กัมพูชา มีปัญหาในเรื่องของภารกิจหรือไม่ ผบ.ทอ. กล่าวว่า เครื่องบินมีขีดความสามารถในการลาดตระเวน ถ่ายภาพ และส่งภาพมาให้กับภาคพื้นดิน ได้เห็นสภาวะและรับรู้ถึงสถานการณ์ในแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นอีกขีดความสามารถหนึ่งของ AT-6TH
ส่วนนอกเหนือจาก AT-6TH และเครื่องบินขับไล่กริพเพน ที่จัดซื้อแล้ว ในอนาคตกองทัพอากาศจะซื้อเครื่องบินรุ่นใดบ้าง ผบ.ทอ. บอกว่า ปัจจุบันนี้ได้รับการอนุมัติให้จัดซื้อกริพเพน ที่เป็นเครื่องบินโจมตีขับไล่ทดแทน ซึ่งถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่และมีความสำคัญ เพื่อทดแทนเครื่องบิน F-16 ที่ฝูงบิน 102 โดยในอนาคตจะมีการปลดประจำการเครื่องบินฝูง 403 กองบิน 4 จึงมีความจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนอีก 1 ฝูง ส่วนเครื่องบินแบบอื่นๆ อาจเป็นเครื่องบินอัลฟ่าเจ็ท F-5 ฝูงบิน 231 กองบิน 13 หรือฝูงบิน 211 กองบิน 21 ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยและมีขีดความสามารถที่สูง ที่สำคัญคือมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับกำลังพลกองทัพอากาศ และบริษัทอุตสาหกรรมการบิน ที่เป็นที่ security partner ของกองทัพอากาศ ให้มีขีดความสามารถ พัฒนาต่อยอดไปได้
ส่วนฝูงบิน 231 ที่อุบลราชธานี และ ฝูง 211 ที่อุดรธานี ทางกองทัพอากาศกำลังพิจารณาดูว่าจะจัดหาเครื่องบินแบบอากาศยานไร้คนขับมาทดแทน หรือทบทวนเรื่องสมุดปกขาว เพราะมองว่าภัยคุกคามในอนาคต หากมีอากาศยานไร้คนขับติดอาวุธ ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่าของที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถตอบสนองภารกิจ ตอบโต้ทางภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพจริงๆ การที่กองทัพอากาศได้มีภารกิจช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้กองทัพอากาศได้ทบทวนแนวทางการปฏิบัติ ความเหมาะสม ความพร้อมที่ลงตัวที่สุด เราไม่สามารถใช้งบประมาณทีละมากๆ ได้ แต่ต้องใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด ที่สำคัญเรากำลังสร้างการร่วมมือระหว่างกองทัพไทยกับอุตสาหกรรมภายในประเทศอย่างยั่งยืน และปกติเป็นเรื่องของการพัฒนา เพราะถึงเวลานั้นเราต้องพึ่งพาตนเอง
สำหรับการสรุปผลการป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ผ่านมา ศักยภาพของกองทัพอากาศเป็นอย่างไรบ้าง ผบ.ทอ. กล่าวว่า กองทัพอากาศทุกวันนี้มีการฝึกซ้อม และมีความพร้อมทั้งกลางวันและกลางคืน เชื่อมั่นในขีดความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน รวมถึงนักบินทุกคนมีความรับผิดชอบในหน้าที่ และมีความพร้อมปฎิบัติภารกิจ 24 ชั่วโมง ซึ่งตนอาจไม่ต้องพูดว่าผลการปฏิบัติเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าหลายคนคงรับทราบว่าความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศ กองทัพบก ในการปฎิบัติภารกิจครั้งนี้ เชื่อว่ามีความสำเร็จอย่างสูงและมีประสิทธิภาพ ถือว่าเราสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี
เมื่อถามอีกว่า นอกจากปฎิบัติภารกิจในพื้นที่ภาคเหนือแล้ว AT-6TH มีขีดความสามารถนำไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาได้หรือไม่ ผบ.ทอ. เผยว่า ขีดความสามารถของเครื่องบิน ถือเป็นคุณลักษณะที่ทางทหารทุกคนทราบดี ในเรื่องของระยะทาง เรื่องของความเร็ว เรื่องของความแม่นยำ ความทันสมัย ความอ่อนตัว ความสามารถเรามีสูงมาก ซึ่งเป็นคุณลักษณะของกำลังทางอากาศ
ส่วนกระแสในโซเชียล AT-6TH มาเสริมภารกิจของเครื่องบินกริพเพน และ F-16 ซึ่งอาจเป็นการใช้งบประมาณเยอะเกินไปนั้น ผบ.ทอ. กล่าวว่า เราแยกภารกิจอย่างชัดเจน โดย AT-6TH จะอยู่ในพื้นที่จำกัดเฉพาะภารกิจนั้น โดยเฉพาะการปราบปรามยาเสพติด เส้นทางลำเลียงยาเสพติด การถ่ายภัยพิบัติน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือไฟป่า ซึ่งคุณลักษณะเด่นของ AT-6TH คือ มีความประหยัด เงียบ หากเราจะไปดูการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้วเอาเครื่องใหญ่ๆ ไปก็ไม่คุ้มค่า อาจเกิดเสียงดัง ซึ่งต้องใช้จุดอ่อน จุดแข็งที่เรามีอยู่ให้คุ้มค่ากับภารกิจอย่างเหมาะสม
ผบ.ทอ. ยังเห็นด้วยกับความคิดของแม่ทัพภาคที่ 2 ที่เคยพูดว่าเครื่องบินไม่ได้ซื้อมาเพื่อการโชว์วันเด็ก เพียงแต่เรามียุทโธปกรณ์ และอยากให้ประชาชนเห็นศักยภาพ ขีดความสามารถ ว่าทำอะไรได้บ้าง สำคัญคือวันเด็กเราจะได้แสดงศักยภาพให้กับเด็กๆ และประชาชนได้เห็นว่าเหนือท้องฟ้าของประเทศไทย ยังมีเครื่องบินที่ดูแลปกป้องอธิปไตยอยู่ ในยามเกิดภัยสงครามเครื่องบินก็ยังมีขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ ซึ่งเคยมีอดีต ผบ.ทอ. ท่านหนึ่ง ได้พูดไว้ว่า ถ้าเกิดเสียงเครื่องบินที่อยู่บนท้องฟ้าเป็นเครื่องบินของเรา ขอให้อุ่นใจ มั่นใจ สบายใจ แต่เมื่อไหร่ที่ไม่ใช่เครื่องบินของเรา อันนี้ต้องระมัดระวัง อาจจะเกิดความสูญเสียในอนาคตได้เยอะ