
3 กันยายน 2568 การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ทางแยกสำคัญ เป็นทางสองแพร่งระหว่าง “ยุบสภา หรือ เลือกนายกฯ” และทำท่ากำลังกลายเป็น “ปัญหาโลกแตก” สำหรับประเทศไทย ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เดินทางไหนก่อนหรือหลัง?
เพราะด้านหนึ่ง รักษาการนายกฯ ก็ทูลเกล้าพระราชกฤษฎีกายุบสภา
ส่วนอีกด้านหนึ่ง สส.ที่คาดว่า รวมเสียงกันเป็นเสียงข้างมาก ก็กำลังจะเสนอญัตติให้มีการเปิดประชุมสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
คำถามคือ กระบวนการเลือกนายกฯ ต้องรอผลพระราชกฤษฎีกายุบสภาหรือไม่
“เนชั่นทีวี” ตรวจสอบไปยังนักกฎหมาย และนักรัฐศาสตร์รุ่นใหม่หลายคน ได้รับคำตอบตรงกันว่า กระบวนการเลือกนายกฯ ไม่ต้องรอพระราชกฤษฎีกายุบสภา เพราะเป็นไปตามหลักการ “แบ่งแยกอำนาจ” เพียงแต่ประธานสภาผู้แทนราษฎร อาจนำเรื่องนี้มาอ้างเป็นเหตุผลของการไม่เปิดประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯ คนใหม่
ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักรัฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า
“จริงๆ สภาไม่ต้องรอก็ได้ เพราะไม่มีใครทราบว่า จะโปรดเกล้าฯ ลงมาหรือไม่ และเมื่อใด เพราะเป็นพระราชอำนาจ ในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดกรอบเวลาเอาไว้ ฉะนั้นสภาก็เดินต่อไปตามกระบวนการ คือประชุมเลือกนายกฯ ไปได้เลย หลังจากนั้นหากมีการโปรดเกล้าฯพระราชกฤษฎีกายุบสภา สภาก็ยุบไป ก็แค่นั้น
แต่ ดร.สติธร ยอมรับว่า ประธานสภาซึ่งเป็นคนของฝ่ายรัฐบาล อาจใช้เป็นข้ออ้างยังไม่บรรจุวาระ โดยอ้างเหตุผลว่า รัฐบาลแจ้งอย่างเป็นทางการว่า ทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาไปแล้ว ส่วนสภาต้องรอถึงเมื่อใด กรณีไม่มีโปรดเกล้าฯ ลงมา รัฐบาลก็สามารถไปติดตามตรวจสอบได้ แต่กรณีเช่นนี้รัฐบาลก็อาจนิ่ง ไม่ดำเนินการ
รศ.ดร.ภูมิ มูลศิลป์ ในฐานะนักกฎหมาย จาก มศว. กล่าวว่า การเสี่ยงเรื่องยุบสภา เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารที่จะตัดสินใจ แต่ถ้าเป็นการประชุมสภาเพื่อลงคะแนนเลือกนายกฯ ในส่วนนี้เป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้าประธานรัฐสภาบรรจุวาระนี้ ก็จะเป็นกระบวนการเลือกนายกฯ ใหม่ เป็นไปตามหลักการแบ่งแยกอำนาจ
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า การเสนอเรื่องใดขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องก่อน มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจะมีความผิด ส่วนฝ่ายการเมืองอาจจะลอยตัว ฉะนั้นคาดว่า เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ จะส่งเรื่องกลับให้แนบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกามาด้วย
แหล่งข่าวจากฝ่าวความมั่นคง บอกด้วยว่า ถ้าประธานสภาฯ เรียกประชุม และองค์ประชุมครบ ก็เลือกนายกฯ ได้ และเพื่อไทยไม่ควรนำเหตุผลใดมาอ้าง โดยเฉพาะสถาบัน เพราะการตั้งรัฐบาลใหม่ เป็นเรื่องของสภา ไม่เกี่ยวกับสถาบัน การนำพระราชกฤษฎีกายุบสภามาเป็นข้ออ้าง เพื่อไม่ประชุมเลือกนายกฯ คงไม่ได้