BTS ลุ้น "สภา กทม." ดึงเงินสะสมล้างหนี้ จ้างเดินรถ-ซ่อมบำรุง 3.4 หมื่นล้าน

21 สิงหาคม 2568 นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เปิดเผยว่า

 

ขณะนี้บริษัทฯ ยังคงรอการชำระหนี้จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่วนของค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 ซึ่งมีจำนวนรวมประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท

 

 

อย่างไรก็ดี หาก กทม.ชำระหนี้ส่วนนี้ บริษัทฯ มีแผนจะนำเงินดังกล่าวไปชำระหนี้ รวมไปถึงเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ ส่วนจะนำไปลงทุนในด้านอื่นๆ หรือไม่นั้น ปัจจุบันทางฝ่ายแผนอยู่ระหว่างพิจารณาในรายละเอียด

 

 

 

 

โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่าตัวเลขหนี้ O&M มีรวมอยู่ประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งหนี้ก้อนที่ 2-3 ดังนี้

 

 

1.หนี้ก้อนที่ 2 ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 - ต.ค.2565 รวม 12,614 ล้านบาท คิดเป็นเงินต้น 10,127 ล้านบาท และดอกเบี้ย 2,486 ล้านบาท 

2.หนี้ก้อนที่ 3 ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ พ.ย. 2564 - ธ.ค. 2567 รวม 17,596 ล้านบาท คิดเป็นเงินต้น 15,762 ล้านบาท และดอกเบี้ย 1,833 ล้านบาท 

3.หนี้ก้อนที่ 4 ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2568 - พ.ค. 2568 รวม 3,697 ล้านบาท คิดเป็นเงินต้น 3,650 และดอกเบี้ย 46.78 ล้านบาท

 

แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.เตรียมเสนอสภากรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณานำเงิน สะสมของ กทม.

มาใช้จ่ายในการเคลียร์หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ให้กับ BTSC ซึ่งคาดว่าจะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมได้ภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้พิจารณาและอนุมัติทันกรอบการใช้งบประมาณปี 2568

 

และอ้างอิงตามขั้นตอนดำเนินงานที่ กทม.เคยนำเงินสะสมมาชำระหนี้ BTSC หลังจากผ่านการเห็นชอบจากสภา กทม.แล้ว จะเป็นอำนาจของผู้ว่า กทม. ในการออกประกาศราชกิจจานุเบกษา เพื่อนำเงินสะสมของ กทม.มาใช้จ่าย ซึ่งผู้ว่าฯ จะมีเวลาในการออกประกาศดังกล่าวภายใน 30 วันนับจากวันที่สภา กทม.เห็นชอบ 

 

หลังจากนั้น จะเริ่มใช้จ่ายเงินส่วนดังกล่าวได้ทันที จึงคาดว่า กทม.จะสามารถจ่ายหนี้ O&M ส่วนที่เหลือให้กับ BTSC ได้ภายในเดือน ต.ค.-พ.ย.2568

 

สำหรับแนวคิดในการเสนอจัดใช้เงินสะสม กทม.เพื่อเร่งชำระหนี้ให้กับ BTSC นั้น เนื่องจากการเร่งชำระหนี้ จะเป็นผลดีกับทาง กทม. เพราะไม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย 5.4 ล้านบาทต่อวัน และจะสามารถนำเงินเหล่านี้ไปพัฒนาในส่วนอื่นๆ ได้ 

อีกทั้งข้อพิพาทในกรณีการค้างจ่ายหนี้ O&M นั้น ยังเป็นในแนวทางเดียวกันกับข้อพิพาทในคดีแรกที่ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้ กทม.ชำระหนี้ ดังนั้นหากรอให้คดีสิ้นสุด ซึ่งไม่รู้ว่าคดีจะสิ้นสุดเมื่อใด จะยิ่งทำให้ กทม. ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยในอัตรา MLR+1 ต่อปี หรือประมาณ 8%

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน กทม.มีเงินสะสมรวมอยู่ประมาณ 8 – 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการชำระหนี้ให้กับ BTSC และเป็นผลบวกที่ทำให้ กทม.ไม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย และหลังจากนี้ในการจ่ายค่าจ้างเดินรถรายเดือน กทม.ก็มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ เนื่องจากปัจจุบันเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 มีรายได้จากค่าโดยสารค่อนข้างมาก

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปัญหาความล่าช้าในการพิจารณาจ่ายค่าจ้างดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตั้งแต่ปี 2562 ส่งผลให้ กทม.แบกรับดอกเบี้ยมากกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็น ดอกเบี้ยจากการจ้างหนี้ค่าจ้างติดตั้งงานระบบเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) (E&M) วงเงิน 4,227.35 ล้านบาท ดอกเบี้ยค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่เดือน พ.ค.2562 - พ.ค. 2564 วงเงิน 3,498.58 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ ยังมีดอกเบี้ยค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 - ต.ค.2565 วงเงิน 2,486.58 ล้านบาท ดอกเบี้ยค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ พ.ย. 2564 - ธ.ค. 2567 วงเงิน 1,833.84 ล้านบาท และค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2568 - พ.ค. 2568 วงเงิน 46.78 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กทม. ได้ดำเนินการชำระหนี้ให้กับ BTSC รวมประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย หนี้ค่าจ้างติดตั้งงานระบบเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) หรือ E&M ส่วนต่อขยาย 2 จำนวนเงิน 23,000 ล้านบาท ทาง กทม. ชำระให้กับบริษัทกรุงเทพธนาคมแล้ว โดยใช้งบเพิ่มเติมปี 2567 และโอนกรรมสิทธิ์งานระบบเป็นของ กทม. แล้ว

และหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง หรือ O&M ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ส่วนแรกซึ่งเป็นหนี้ที่เกิดจาก BTSC ฟ้องครั้งที่ 1 ส่วนต่อขยาย 1 เดินรถ พ.ค. 2562 - พ.ค. 2564 และส่วนต่อขยาย 2 เดินรถ เม.ย.2560-พ.ค.2564 จำนวนเงิน 14,476 ล้านบาท กทม.ได้ชำระให้สำนักงานบังคับคดี สำนักงานศาลปกครองแล้ว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2567 ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2567