
14 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามกรณีความเคลื่อนไหวของ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คล้ายๆ เหมือนกับมาทวงว่า เมื่อไหร่ไทยจะตั้งคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพชุดใหม่เสียที เนื่องจาก นายอันวาร์ พร้อมที่จะเข้ามาไกล่เกลี่ยแก้ไขปัญหา ในฐานะประธานอาเซียน
นายภูมิธรรม ระบุว่า จริงๆ เรื่องนี้ นายอันวาร์ ในฐานะประธานอาเซียน ก็คงอยากจะให้อาเซียน เข้าสู่จุดที่สงบ และให้ความสนใจในปัญหาต่าง ซึ่งเมื่อตอนที่ตนเดินไปประชุมที่มาเลเซียกรณีไทยกัมพูชา ก็ได้แจ้งนายอันวาร์ ว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ยังอยู่ในความสนใจของรัฐบาล ที่จะรีบดำเนินการผลักดันอยู่ เพราะฉะนั้นหลังจากเรื่องไทยกัมพูชาซาลงเมื่อไหร่ ตนอยากจะบินไปพบกับ นายอันวาร์ เพื่อพูดคุยในรายละเอียด ซึ่งนายอันวาร์ก็ได้ทราบถึงเจตนา และให้คำตอบว่า หลังจากนี้เราจะนัดกันอีกที ดังนั้นการดำเนินการต่างๆ ในขณะนี้ ไม่ใช่ว่าหน้างาน รัฐบาลทำเรื่องกัมพูชาอย่างเดียว ข้างหลังเราก็ทำเรื่องนี้ด้วย
“เรื่องนี้ไทยคืบหน้าไปถึงขั้นที่ ขณะนี้มีการรวบรวมบุคคล ที่จะตั้งเป็นคณะเจรจาชุดใหม่ หลายส่วนตอบรับ แต่ก็ต้องอยู่ในเงื่อนไข คิดว่าถ้าเรื่องของกัมพูชาคลายลง ผมก็จะบินไปมาเลเซียทันที เพื่อจะพูดคุยกับนายอันวาร์ เพราะมีหลายเรื่องที่อยากคุย ทำความเข้าใจกัน คิดว่าถ้าเราเข้าใจในสิ่งต่างๆ ร่วมกัน การที่จะแก้ไขปัญหานี้ โดยมีมาเลเซียเข้ามาช่วยผลักดันเกิดขึ้นได้”
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้คิดโมเดลการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดภาคใต้เรียบร้อยแล้ว จริงๆ ถ้าไม่มีเรื่องกัมพูชามา เรื่องชายแดนใต้กำลังจะเข้าที่ สมช.เพื่อให้รับแล้ว ตอนนี้อยู่ในระหว่างปรับปรุงบางจุด ก่อนจะเอาเข้ามาให้ทุกฝ่ายเข้าใจ ถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ก็จะสามารถเดินไปด้วยกันพร้อมๆ กับที่ตนไปมาเลเซียเพื่อคุยกับนายอันวาร์
เมื่อถามว่า เป็นเรื่องต่อเนื่อง จากที่เคยได้ให้ไปคิดและรับฟังทุกฝ่าย ในการปรับยุทธศาสตร์ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้หยุดเลย ก็ตอนนี้มีอะไรต่างๆ ชัดเจนขึ้น รอให้สถานการณ์ไทย-กัมพูชา นิ่งกว่านี้อีกหน่อย ก็จะได้หันกลับไปใช้เวลากับเรื่องนี้มากขึ้น
เมื่อถามว่า ถ้าเผื่อคนที่สามจังหวัดชายแดนใต้ อยากจะรู้หมุดหมาย คิดว่าภายในระยะสุดท้ายของปีนี้ น่าจะเห็นคณะพูดคุยฯ และการเดินหน้าการพูดคุย หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เห็นก่อนแน่นอน ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้ว แต่ขออนุญาตที่ยังเปิดตัวอะไรไม่ได้
เมื่อถามว่า พอใกล้ถึงเดือนกันยายน ก็จะมีเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งปีนี้ก็มีปัญหาทางความมั่นคง มองเรื่องแม่ทัพภาคต่างๆ มีการคุยนอกรอบ กับทางเหล่าทัพเรียบร้อยแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า จริงก็ยังไม่ได้คุย เรื่องนี้มีระบบของมันอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ ผบ.เหล่าทัพต่างๆ ต้องมาตกลงกับกลาโหมว่า อัตราอะไรเป็นอย่างไร อีกทั้งตนก็ไม่ได้เป็น รมว.กลาโหม แล้ว จึงเป็นหน้าที่ของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ที่จะต้องพูดคุยและเคลียร์ตรงนี้ให้ชัดเจน เหล่าทัพก็จะไปจัดการตามข้อตกลงร่วม จากนั้นก็จะกลับเข้ามาในที่ประชุม 7 เสือ ก็คือทุกเหล่าทัพ ประกอบด้วย รัฐมนตรีกลาโหม เพราะฉะนั้นก็คงอยู่ในกระบวนการที่เขาคงจะทำกัน ฝ่ายการเมืองคงไม่ได้ลงไปแทรกแซง จะต่ออายุหรืออะไรก็เป็นเรื่องที่กองทัพต้องไปเคลียร์กันมา
“สิ่งที่ผมได้เสนอความเห็นไปคือ ไม่อยากให้เสียระบบ ขณะนี้ระบบมันกำลังเดินตามทางของมัน เมื่อมาถึงผม ก็จะมีหน้าที่ทำต่อในกระบวนการนั้น เสร็จแล้วจะเอาเข้า ครม.หรือเอามานั่งดูกัน ถึงจะมีหน้าที่ในการเสนอพระราชทานให้ท่านโปรดเกล้าลงมา”
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสเรียกร้องเรื่องการต่ออายุราชการแม่ทัพภาคที่ 2 แต่ถ้าฟังจากฝั่งรัฐบาล ไม่น่าจะมีนโยบายแบบนั้นใช่หรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าเป็นความเห็นตนก็คือให้เป็นไปตามกระบวนการ ถามว่าแม่ทัพภาค 2 ทำดีไหม ถือว่าทำดี แต่ว่าถ้าเราเห็นแต่ตัวบุคคลไม่เห็นระบบ มันก็จะมีปัญหา เพราะว่าการที่จะรบชนะครั้งนี้ ไม่ใช่ตัวแม่ทัพภาคที่ 2 คนเดียว ถ้าท่านไม่ได้รับความร่วมมือจากเสนาธิการ ไม่ได้รับความร่วมมือจากกำลังพลทุกส่วน มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราต้องเชื่อมั่นว่า ระบบของกองทัพเราดี สามารถผลิตคนมารองรับได้ในภาวะแบบนี้ ถึงแม้จะเปลี่ยนตัว
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความหมายเดียวกับคำว่า “เปลี่ยนม้ากลางศึก” แต่เป็นการปรับให้เข้าสู่ระบบ ผมว่าท่านก็ไม่ได้แสดงความปรารถนาอะไร ก็ถือว่าเป็นไปตามระบบ ท่านก็บอกว่าอยู่ที่ผู้บังคับบัญชา เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า จะให้ดีที่สุดต้องเป็นไปตามระบบ"
ส่วนสถานการณ์เฉพาะฉุกเฉิน ถ้ามันรุนแรงจริงๆ สมมุติวันนี้กำลังรบกันแบบยูเครน เราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยน แต่ตนคิดว่า วันนี้สถานการณ์มันไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนั้น ระบบสร้างคนขึ้นมาได้ และตนก็คิดว่า คนดีๆ ที่มีความสามารถเช่นแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ยังมีอยู่ สามารถทำงานได้
เมื่อถามว่า ในแง่ของแม่ทัพ ผบ.เหล่าทัพ เดือนนี้เดือนสิงหาคม แล้วก็จะกันยายนแล้ว ตอนนี้ ผบ.เหล่าทัพ ที่ ผบ.ทร. ผบ.ทอ. ผบ.สส. ปลัดกระทรวงกลาโหม จะเกษียณอายุ ต้องเร่งดำเนินการให้เร็วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนเชื่อว่าระบบมันไปได้อยู่แล้ว ได้คุยกันทุกท่านรู้อยู่แล้ว ทั้งผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยกเว้นผู้บัญชาการทหารบก ท่านอยู่ในตำแหน่งต่อ ท่านรู้อยู่แล้ว และท่านก็ได้มีการเตรียมการกันมาแล้วว่า ใครเหมาะสมอย่างไร ก็ต้องมีการดูตัวกันอยู่แล้ว
คิดว่าจนสุดท้ายได้ตัดสินใจชัดเจนแล้ว ท่านเป็นผู้เสนอ ถ้าจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงแตกต่างไปบ้าง ก็มีถกเถียงกันในที่ประชุม 7 เสือ ซึ่งส่วนใหญ่ตรงนั้นไม่ค่อยได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ท่านจะเห็นว่าปีที่แล้วมีความแตกต่างวุ่นวายกันนิดนึง แต่ว่าหลังจากคุยกันด้วยเหตุด้วยผลก็จบลงได้ ฝ่ายการเมืองเองฟังเสียงประชาชนมา ก็เอามาเสนอ ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรที่เป็นปัญหา ก็ไม่ได้เข้าแทรกแซงอะไร เชื่อว่าไม่น่าห่วง
เมื่อถามว่า เรื่องภาคใต้ที่ว่าจะมีการปรับยุทธศาสตร์ใหม่ จะต้องมีการปรับตัวบุคคล อย่างเช่นแม่ทัพภาคที่ 4 ด้วยหรือไม่ เพราะว่า จริงๆ ท่านก็ยังไม่เกษียณ แต่ท่านอยู่มา 1 ปี แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในการพิจารณาของตน เรื่องคนเป็นท้ายที่สุด เรื่องจริงๆ คือเรื่องยุทธศาสตร์ ทิศทางที่เดิน กับเรื่องความพร้อมของเราทั้งหมด พอถึงตรงที่เราชัดเจนว่า ทิศทางเราเดินยังไง ยุทธศาสตร์เป็นแบบไหน เรื่องคนถึงมาพิจารณาว่า เหมาะสมที่จะเดินตามยุทธศาสตร์ใหม่หรือไม่ เพราะฉะนั้นตรงนี้คงเป็นเรื่องสุดท้าย ถ้าตรงนี้ต้องเชื่อมั่นท่านว่า ท่านทำงานได้ดีแล้ว ยังไม่มีอะไรที่เป็นข้อบกพร่อง