
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวมอบนโยบาย และแนวทางการแก้ปัญหายาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย สู่เป้าหมาย Zero-Drug Thailand โดยขอบคุณทุกหน่วยงาน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ปปส.,กระทรวงสาธารณะสุข, กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งผลความร่วมมือในวันนี้ สะท้อนให้ร่วมมือกันก็จะได้รายชื่อผู้ค้า และผู้เสพยาเสพติดทุกจังหวัด ซึ่งทั้งหมด เป็นการดำเนินการในช่วงเริ่มต้น ซึ่งรายชื่อทั้งหมด จะเป็นรายชื่อเป้าหมาย เพื่อดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไปทันที พร้อมเน้นย้ำนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติด ให้ประเทศไทยปลอดยาเสพติด 3 เดือนอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะมีตัวชี้วัดที่ประชาชนในชุมชน หากพบว่า ยังมียาเสพติด ก็ยังต้องทบทวนตรวจสอบ และเชื่อว่า ใน 3 เดือนจะเป็นจุดแตกหัก และวัดผลสำเร็จ ซึ่งขึ้นอยู่กับหมู่บ้าน และชุมชน รวมถึงการบูรณาการความมั่นคงในพื้นที่ร่วมกัน ถ้าพร้อมใจกัน ก็สามารถทำงานได้ ดังนั้น การขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรม ขอให้ทุกภาคส่วน เร่งรัดมาตรการป้องกัน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด แลกเปลี่ยนข้อมูลบูรณาการข้อมูลระหว่างกัน วางกำลัง และจัดกำลังสนับสนุนภารกิจของกันและกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลพื้นที่เสี่ยง เพื่อนำมาตรการเชิงรุกเข้าควบคุม จัดระเบียบสังคม และควบคุมสถานที่เสี่ยง สถานบันเทิงที่มั่วสุม โดยให้จัดวงจรการเข้าถึงยาเสพติดทุกพื้นที่ และขอทุกหมู่บ้านส่งเสริมกลไก ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ., อาสามาสมัครรักษาดินแดน ทั่วประเทศเป็นตาให้ประเทศ สอดส่องจัดการ และชี้วัดความสำเร็จว่า ปัญหาอยู่ที่ใด และปัญหาดีขึ้นหรือไม่ และขอชื่นชมจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายภูมิธรรม ยังขอให้ทุกจังหวัด และทุกหน่วยงาน น้อมนำหลักการกองทุนแม่ของแผ่นดิน มาสนับสนุนป้องกันแก้ปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน และชุมชนอย่างยั่งยืน และให้นายอำเภอใช้มาตรการ “Seal Stop Safe” ของรัฐบาลตามช่องทางธรรมชาติตามชายแดนอย่างเข้มข้น และขยายรูปแบบให้ครอบคลุมทั่วประเทศ หรือใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ให้สามารถรับทราบจุดพักยา
นายภูมิธรรม ยังขอให้เจ้าหน้าที่ยึดหลักเด็ดขาด โปร่งใส ไม่ละเว้น ชาวบ้านรู้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่รู้ ถือว่ามีความผิด ดังนั้น จะต้องขยายผลการจับกุมทุกระดับ และหาผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้ว โดยบูรณาการกันระหว่างทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้นำบูรณาการปราบปราม บนข้อมูลจริง และบริบทพื้นที่ โดยใช้กลไกฝ่ายปกครองสนับสนุนการข่าว พร้อมขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด รักษาผู้เสพให้ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ส่งเข้าบำบัดแทนการดำเนินคดี ลดการตีตรา และเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ให้กลับเข้าสังคมอย่างเป็นสุข และเป็นธรรม ดำเนินการ 1 จังหวัด 1สถานฟื้นฟูผู้ป่วยเป็นอย่างน้อย และมีระบบติดตามที่ผู้บำบัดจะไม่กลับไปเสพซ้ำอีก
นายภูมิธรรม ยังได้กำหนดตัวชี้วัด หรือ KPIs 3 เดือนเพื่อเห็นความสำเร็จ ด้วยการกวาดล้างยาเสพติดอย่างเข้มข้นทั่วประเทศ 6 ตัวชี้วัด ผ่านผลการดำเนินงานในการสกัดกั้นยาเสพติดในจังหวัดชายแดนเปรียบเทียบกับการจับกุมทั้งประเทศ คือ "ผลการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนมีจำนวนมาก ผลการจับกุมกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภายในจะต้องมีจำนวนลดน้อยลง", ผลการดำเนินงานในการสกัดกั้นยาเสพติดในจังหวัดชายแดนเปรียบเทียบกับการจับกุมทั้งประเทศ คือ "ผลการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนมีจำนวนมาก ผลการจับกุมกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภายในจะต้องมีจำนวนลดน้อยลง", จำนวนการจับกุมผู้ค้าและขยายผลสู่เครือข่าย คือ "จับกุมผู้ค้าได้ต้องสามารถขยายผลถึงเครือข่ายได้", จำนวนผู้เสพที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู คือ "เมื่อได้ผู้เสพยาเสพติด จะต้องนำผู้เสพยาเสพติดทุกรายเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู", การดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด คือ "เมื่อพบเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มข้นและทันที" และการขยายเครือข่ายพลังชุมชน เพื่อป้องกัน และเฝ้าระวังยาเสพติด ให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้านชุมชน คือ "ต้องทำให้หมู่บ้าน ชุมชน เป็นพื้นที่ปลอดยาเสพติด ทั่วประเทศ"