
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายสำคัญเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทย (8 Quick Wins: 3 ไร้ทุกข์ 5 สร้างสุข) และการขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทย คณะเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกรมและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และผู้บริหารจาก 76 จังหวัด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ตนเองรู้สึกภูมิใจไทยที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นหน่วยงานที่มีกลไกครบถ้วน สามารถประสานทุกภาคส่วนได้ทั้งประเทศ และหากสามารถรวบรวม ดึงความร่วมมือทุกจังหวัด นำนโยบายรัฐบาลไปถึงมือประชาชน ก็จะมีส่วนช่วยแก้ไขวิกฤตที่มีอยู่ของประเทศได้ ทั้งภัยคุกคามยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ดูแลเศรษฐกิจฐานราก ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน ทั้งประเทศ
นายภูมิธรรม ได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำนโยบายของรัฐบาล ลงไปถึงประชาชน พร้อมย้ำว่า กระทรวงมหาดไทย ถือเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงานใกล้ชิด และส่งผลต่อประชาชนโดยตรง ในการขับเคลื่อนงานของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนได้เคยกล่าว และแสดงความตั้งใจมุ่งมั่น ที่จะนำพากระทรวงมหาดไทย “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เพื่อพี่น้องประชาชน และ “มหาดไทยต้องดีกว่าเดิม : มองไกล ใจเป็นหนึ่ง เป็นที่พึ่งประชาชน” เพื่อเป้าหมายสำคัญ คือ ความสุขที่ยั่งยืนของประชาชนทั้งประเทศ 8 นโยบาย ประกอบด้วย 3 ไร้ทุกข์ และ 5 สร้างสุข เชื่อมโยงกันให้เห็นผลอย่างรวดเร็วเป็นรูปธรรม
นายภูมิธรรม ยังย้ำกลุ่มนโยบายแรก “3 ไร้ทุกข์” ว่า จะต้องปฏิบัติให้ได้ โดยเฉพาะการเร่งปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดเชิงรุกทุกพื้นที่ ที่คุกคามชีวิตประชาชนทั้งประเทศ จนขณะนี้ แพร่หลายทุกหมู่บ้าน รวมไปถึงสถานศึกษา แต่ที่น่าเสียใจคือ มีข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นแกะดำไปสนับสนุนส่งเสริม ดังนั้น จึงต้องจัดการจริงจังโดยมุ่งเน้นการบูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่ทุกกระบวนการ ตั้งแต่การป้องกัน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน การ Re X-ray อย่างต่อเนื่อง การปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้เสพ การยกระดับกระบวนบำบัด รักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดให้กลับคืนเป็นคนดีสู่สังคม ไปจนถึงการเพิ่มศักยภาพและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตามนโยบาย “Seal Stop Safe” ของรัฐบาล ซึ่งได้ทำใน 14 จังหวัด 52 อำเภอชายแดน และ 76 สถานีตำรวจ ภายใต้เป้าหมายสุดท้ายเดียวกัน คือ จะต้องไม่มีผู้ค้า ผู้เสพ ในทุกหมู่บ้าน/ชุมชน หรือ “No Drugs No Dealers” โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นแม่ทัพ ไปประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างจริงจัง เพื่อปราบปรามอย่างเข้มข้น โดยภายใน 3 เดือนนี้ จะต้องเห็นผลกับการดำเนินการกับผู้ค้า ผู้ขาย ผู้ผลิตอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการยกระดับกระบวนการบำบัดรักษา ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ พร้อมย้ำตนไม่ได้ข่มขู่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ แต่ต้องการให้ประชาชนเห็นผลการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และจะสนับสนุนตอบแทนผู้ที่สนับสนุนการแก้ไขปัญหานี้
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงนโยบายไร้ทุกข์ที่ 2 ได้แก่ การเร่งจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต้องปราบปรามการกระทำที่ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ อาทิ การครอบครองอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย การจัดระเบียบสังคม การเปิดสถานบริการที่ผิดกฎหมาย การพนัน การค้ามนุษย์ การก่ออาชญากรรม รวมทั้งการเฝ้าระวังการลักลอบการนำเข้าสิ่งผิดกฎหมายโดยชาวต่างชาติ ตลอดจนนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่แฝงตัวเข้ามาประกอบธุรกิจมืด เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน แรงงานข้ามชาติ และอาชญากรรมออนไลน์ เป็นต้น พร้อมแสดงผลสำเร็จทุกไตรมาส เพราะตนเคยพบประชาชน เป็นลูกหนี้ ติดหนี้ดอกเบี้ยโหด และยังถูกอัธพาลข่มขู่ถึงบ้าน รวมถึงการจัดระเบียบสถานบันเทิง แหล่งมั่วสุม
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงนโยบายไร้ทุกข์ที่ 3 การสร้างพื้นที่ทั่วประเทศไทยให้ปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยมุ่งพัฒนาและจัดระเบียบพื้นที่ชุมชน เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในทุกมิติ อาทิ การติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างในพื้นที่เสี่ยง การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) การออกแบบพื้นที่ทางกายภาพ ให้รองรับการใช้งานของกลุ่มเปราะบาง เช่น ทางเดินเท้า สวนสาธารณะ สุขาสาธารณะ การจัดเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน การพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ (Cell Broadcast System: CBS) รวมถึงการกำหนดแนวทางปฏิบัติในการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ศึกษาจุดพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
ส่วนแนวทาง “5 สร้างสุข” นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า ประกอบด้วย (1) การเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน อย่างเป็นระบบ คืนรอยยิ้มให้ครอบครัว กล่าวคือ หนี้ครัวเรือนจะต้องได้รับการแก้ไข ประชาชนมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้น มีการออมที่เป็นหลักประกันและมีวินัยทางการเงิน รวมถึงการแก้ไขปัญหา และสร้างเศรษฐกิจฐานราก เพื่อไม่ให้ต้องเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบ ซึ่งหากเศรษฐกิจซานรากเข้มแข็ง เศรษฐกิจระดับประเทศก็จะเข้มแข็ง
.
(2) การเร่งสร้างเสริมสุขภาวะและการศึกษาชุมชน/หมู่บ้านเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ในประเด็นสำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านสุขภาพ รองรับและดูแลผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพ โดยพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสุขภาพของ อปท. ให้เป็น “ผู้จัดการดูแลผู้สูงอายุ” ให้มีระบบรองรับ ให้ผู้สูงอายุสามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศได้ ควบคู่กับการพัฒนา “เศรษฐกิจสุขภาพ” ในชุมชน เช่น อาหารปลอดภัย Farm To Table ในระดับชุมชน ภายใต้แนวคิด “ป่วยยาก หายง่าย อาหารดี อากาศดี สุขภาพดี” จัดตั้ง “1 ตำบล 1 สวนสมุนไพร” และ “1 หมู่บ้าน 1 ครัวอาหารปลอดภัย” และ 2) ด้านการศึกษา พัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดอย่างเต็มที่ ทั้งในมิติของ “การสร้างปัญญา” “การสร้างอาชีพ” และ “การยกระดับทักษะการแข่งขันทางวิชาการ” ของเด็กและเยาวชน ให้สามารถเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ฉลาด เก่ง ดี มีขีดความสามารถในการแข่งขันได้ในอนาคต (3) การเร่งสร้างเมืองคึกคัก เน้น Soft Power รักษ์ศิลปวัฒนธรรม สร้างนวัตกรรมและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง ผ่านการส่งเสริมกิจกรรมเศรษฐกิจที่สร้างรายได้และการออมให้ครัวเรือนที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด สนับสนุนนโยบายรัฐบาลโครงการ “1 ตำบล 1 Start-up” และ Soft Power ผ่านอุตสาหกรรม 5F (Food อาหารไทย Film ภาพยนตร์ Fashion แฟชั่น Fighting มวยไทย และ Festival เทศกาล เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่กลับมาพัฒนาชุมชนด้วยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ยกระดับกิจกรรมเศรษฐกิจฐานราก ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน รวมถึงการขับเคลื่อน OTOP สู่สินค้าเชิงคุณภาพ โดยยกระดับสู่ ThaiWORKS and Beyond สร้างเรื่องราวสร้างแบรนด์ และเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ให้สินค้า OTOP ของไทยก้าวไกลไปสู่ตลาดสากล (4) การเร่งปรับปรุงบริการภาครัฐ ให้สะดวก รวดเร็ว ตรงใจ ทันสมัย ทันโลก ภายใต้แนวคิด “การบริการภาครัฐ รวดเร็ว ตรงใจ ตอบสนองความต้องการประชาชน” ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการปรับปรุง ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของกระทรวงมหาดไทยสู่การเน้นผลลัพธ์ของงาน รวดเร็ว ทันสมัย และตอบสนองพี่น้องประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนแบบดิจิทัล และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาครัฐ ที่มุ่งแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ด้วยจิตสำนึกแห่งการรับใช้ประชาชน ลดขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำหน้าที่ และการแก้ปัญหาให้ประชาชน กฎระเบียบใดที่ขัดหรือแย้งกฎหมาย ก็ให้ปรับแก้ (5) การเร่งปรับปรุงระบบรับเรื่องร้องทุกข์ ให้เข้าถึงและแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จ เร็วขึ้น มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบ ด้วยการยกระดับบทบาทและขีดความสามารถของศูนย์ดำรงธรรม พร้อมนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการรับเรื่องราวร้องทุกข์ และส่งเสริมบทบาทของจิตอาสาและเครือข่ายภาคประชาชนในการร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ ตลอดจนขอให้มีการพัฒนาศักยภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเครือข่ายภาคประชาชนให้มีบทบาทในการช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ในพื้นที่ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีที่ได้ลงนามปลดล็อกโป๊กเกอร์ออกจากบัญชีการพนัน และถูกโจมตีเป็นการเปิดช่องการพนันว่า ปัจจุบันโลกเปลี่ยนให้กีฬาโป๊กเกอร์ เป็นไปเพื่อการแข่งขันกีฬาแล้ว ซึ่งกระทรวงท่องเที่ยวฯ ต้องการสร้างพื้นที่ให้เป็นการแข่งขันกีฬา จึงต้องแก้กฎระเบียบ โดยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเปิดกว้างการพนัน เพราะการแข่งขัน ก็จะต้องขออนุญาตผู้ว่าราชการจังหวัด และกรมการปกครอง ผู้วิจารณ์ตนนั้น ตนไม่ว่า แต่ขออย่างบ่อนทำลายรัฐบาล เพราะตอนนี้ ประเทศกำลังเผชิญศึกชายแดน จะต้องรวมพลังแก้ปัญหา ซึ่งคนทำงาน ต้องมีผิดพลาดบ้าง แต่ก็ต้องปรับให้ถูกต้อง
นายภูมิธรรม ยังกำชับให้ส่วนราชการ ทำงานให้รวดเร็วทันใจ นำเทคโนโลยีมาใช้ และขอให้ส่งเสริมบทบาทจิตอาสาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เล็งเห็น จึงขอให้ใช้ให้เกิดประโยชน์ รวมถึงดึงเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมมือภาครัฐแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ ทั้งยาเสพติด ที่รัฐบาลเอาจริง และพร้อมดำเนินการต่าง ๆ ให้ยาเสพติดต้องหมดไป ไม่ใช่ผักชีโรยหน้า