
30 กรกฎาคม 2568 ที่กระทรวงกลาโหม เวลา 08.15 น. พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีฝ่ายไทยเตรียมให้กองทัพบกประสานผู้ช่วยทูตทหารนานาประเทศ ประจำประเทศไทยลงพื้นที่ชายแดนว่า จะพาไปดูความสูญเสียของพลเรือนที่ได้รับจากการปฏิบัติของทหารกัมพูชา โดยเพิ่งได้สั่งการไปที่กองทัพบกเมื่อคืนนี้ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีประเทศใดบ้างเข้าร่วม และพยายามประสานงานกับประเทศมาเลเซียให้มาดูเรื่องของสถานการณ์ในพื้นที่ด้วย
ส่วนการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชาที่มีการยิงตามแนวชายแดน เรื่องนี้ต้องมีการประท้วง และสื่อสารให้นานาชาติรับทราบ โดยได้ย้ำกับกองทัพบกให้สื่อสารทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ซึ่งโฆษกทุกเหล่าทัพต้องช่วยกัน รวมทั้งของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา หรือ ศบ.ทก. พร้อมย้ำว่า หลักของการหยุดยิงตามข้อตกลงคือ ทุกหน่วยต้องหยุดอยู่กับที่ และรอจนกว่าจะมีผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC
ส่วนที่กัมพูชาปฏิเสธการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงนั้น พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้ตลอด โดยธรรมชาติของกัมพูชา ซึ่งตนพูดอยู่เสมอว่า ถ้าจะปรับให้ไปเป็นเหมือนกัมพูชา ไทยก็จะเสียเครดิตในเวทีโลก จึงต้องยืนอยู่แบบประเทศผู้เจริญ มีวุฒิภาวะ อย่าไปปรับตัวตามกัมพูชา จึงขอฝากสื่อมวลชน ทำความเข้าใจกับประชาชน แต่ก็เสียใจตรงที่ว่า เวลาที่กัมพูชาพูดอะไร คนไทยก็มักจะทะเลาะกันเองไปหมด ประเด็นกลายเป็นกัมพูชาทำให้คนไทยทะเลาะกัน และฝ่ายกัมพูชาได้ผล กลายเป็นว่ากัมพูชาทำ IO ประสบความสำเร็จ แต่ไทยจะไปบิดเบือนเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเราต้องยึดความจริง
พร้อมย้ำว่า ในช่วง 2-3 วันนี้ ตนต้องทำงานภายใต้ความกดดัน และการตัดสินใจที่อยู่บนผลประโยชน์ของประเทศ เพราะการตัดสินใจแต่ละเรื่องต้องคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่เรื่องง่าย อาจจะมีความเครียดไปบ้าง จึงอยากให้สื่อมวลชนเข้าใจ และช่วยทำความเข้าใจกับสังคม เพราะสื่อมวลชนมีความสำคัญมาก
"ย้ำว่ากระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ได้รวบรวมข้อมูลไว้ทุกอย่างว่ากัมพูชาบิดเบือนอะไรบ้าง มีภาพและเทคโนโลยีของ Gistda และภาคเอกชน ซึ่งเป็นภาพถ่ายทางอากาศ แต่จะไม่เปิดเผยในช่วงนี้ ก็ปล่อยให้กัมพูชาบิดเบือน แต่เมื่อไปถึงขั้นการไต่สวนกันแล้ว และมีการเผชิญหน้าในกระบวนการไต่สวน ก็จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปชี้แจงว่า กัมพูชาบิดเบือนอะไรบ้าง"
ทั้งนี้ สถานการณ์แบบนี้จำเป็นต้องชี้แจงกับประชาชนให้รับทราบข้อมูล และกองทัพก็ต้องใช้ฝีมือในการทำงาน เพื่อสร้างความเข้าใจให้ประชาชน
ส่วนกรณีที่มีภาพอ้างอิงกัมพูชาจ้างทหารรับจ้างสัญชาติรัสเซียมาร่วมรบนั้น พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็มีการสอบถามถึงที่มาของภาพ ขอย้ำว่าทุกอย่างยังอยู่ในการเตรียมความพร้อม
และได้ย้ำถึงแนวทางของรัฐบาลหลังจากนี้ว่า กรณีที่มีการละเมิดข้อตกลงจากฝ่ายกัมพูชา ส่วนใหญ่จะให้ ศบ.ทก. ที่มีทุกหน่วยงานมาร่วมกันทำงานอยู่แล้ว เพื่อติดตามเรื่องนี้ และในส่วนตัวในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพอยู่ตลอด ซึ่งก่อนเดินทางร่วมคณะกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศมาเลเซีย ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ และกลับมาก็ยังมีการพูดคุยกันอีก เพื่อทำความเข้าใจ และชี้แจงแนวทางปฏิบัติ ตามที่ได้มีการหารือที่ประเทศมาเลเซีย
ส่วนสถานการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝ่ายประเทศกัมพูชา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายไทย เพราะไทยไม่ได้มีเจตนาที่จะรุกรานใคร ซึ่งช่วงที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม มีการจัดหายุทโธปกรณ์เข้ามาเพื่อปกป้องอธิปไตยเท่านั้น ไม่ได้มียุทโธปกรณ์เชิงรุก แต่ครั้งนี้สังเกตได้ว่า กัมพูชามียุทโธปกรณ์เชิงรุก ดังนั้นเหตุการณ์จะยุติช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชาเป็นหลัก
สำหรับการประชุมสภากลาโหมวันนี้ จะมีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพหลายเรื่อง ส่วนเรื่องสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ตนจะพูดคุยกันอีกในเวที ซึ่งสภากลาโหมจะเป็นการพูดคุยในกิจการปกติ แต่ก็ต้องเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย