
25 กรกฎาคม 2568 นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการปะทะที่เริ่มต้นโดยฝ่ายกัมพูชา การสูญเสียครั้งนี้รวมถึงพลเมืองบริสุทธิ์
โดยเฉพาะการเสียชีวิตของเด็กและคนชรา นอกจากจะละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศแล้ว ยังเป็นการละเมิดศีลธรรมและควรที่จะได้รับการประณามอย่างเต็มที่โดยประชาคมระหว่างประเทศ ขอย้ำว่าการตอบโต้ของฝ่ายไทยมีความชัดเจนเหมาะสมในการป้องกันตนเองตามข้อที่ 11 ของกฎบัตรสหประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.) กัมพูชาได้เปิดฉากยิงไทยรุนแรงต่อเนื่อง ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงทางการทหาร แต่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพลเรือนชาวไทย
โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนและสถานที่สาธารณะที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาลอันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ระบุชัดเจนว่ารัฐบาลไทยประนามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชาและได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตแล้ว
การกระทำของกัมพูชาเป็นละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ตั้งแต่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดในวันที่ 16 และ 23 ก.ค.68 รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยุติการโจมตีเป้าหมาย ทั้งทหารและพลเรือน ยุติละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที การกระทำของกัมพูชาเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 เกี่ยวกับการคุ้มครองโรงพยาบาลรัฐ ฉบับที่ 4 เกี่ยวกับการคุ้มครองหน่วยแพทย์ เป็นการกระทำขาดมนุษยธรรมต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์
ทั้งนี้ ภายหลังกัมพูชาส่งหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ขอให้เรียกประชุมด่วนเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชา พร้อมกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานอธิปไตยกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง
ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือถึง UNSC แล้ว เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งไทยมีหลักฐานว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน มีการใช้ความรุนแรงจนฝ่ายไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
เป็นกรรุกรานอธิปไตยเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนต่อประเทศ โดยขอให้ประธาน UNSC เวียนหนังสือของฝ่ายไทยเพื่อให้สมาชิกทุกประเทศรับทราบด้วย
ล่าสุด วันนี้ เวลา 15.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จะจัดประชุมแบบปิดเพื่อหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งการประชุมลักษณะนี้จัดขึ้นเป็นปกติเมื่อมีเหตุการณ์ปะทะระหว่างสองประเทศที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เป็นการประชุมเพื่อลงมติใด ๆ แต่เป็นการหารืออย่างเป็นทางการเชิญคู่กรณีและสมาชิก 15 ประเทศ ทั้งสมาชิกถาวรและไม่ถาวรเข้าให้ข้อมูลเพื่อเป็นที่รับทราบ ซึ่งฝ่ายไทยจะมีทูตประจำนิวยอร์ก เข้าร่วมประชุม
อย่างไรก็ตามในวันนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ จะมีการให้สัมภาษณ์กับสื่อรายใหญ่ของต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่ข้อเท็จจริงและแนวทางการดำเนินการของไทยให้นานาประเทศได้รับทราบอย่างครอบคลุม
โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกนะทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางกลับจากการหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ.2025 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาในคืนนี้ ซึ่งจะมีการรายงานถึงผลการประชุมอีกครั้งหนึ่ง อาจจะมีแถลงการณ์เพิ่มเติม เพื่อเรียกร้องให้ยุติการปะทะ โดยเฉพาะเป้าหมายพลเรือน
ทั้งนี้ กรณีที่กระทรวงวัฒนธรรมแห่งกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพไทยว่าได้กระทำการรุกรานสร้างความเสียหายให้ประสาทพระวิหาร แหล่งมรดกโลก ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองวัฒนธรรมภายใต้กรอบยูเนสโก แต่การปะทะระหว่างกองกำลังไทยกับกัมพูชา เกิดขึ้นที่ภูมะเขือที่อยู่ห่างจากตัวปราสาทพระวิหาร 2 กิโลเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกระสุนหรือสะเก็ดระเบิดไปไกลถึงปราสาทพระวิหาร ซึ่งฝ่ายไทยส่งหนังสือชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
UNSC ประชุมฉุกเฉินกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา คืนนี้-นานาชาติเรียกร้องยุติความรุนแรง