
KEY
POINTS
ในขณะที่สถานการณ์การปะทะบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังคงทวีความรุนแรงและนำไปสู่การประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC)
ล่าสุด นายนาธาน รูเซอร์ (Nathan Ruser) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมจาก Australian Strategic Policy Institute (ASPI) ซึ่งเป็นสถาบันวิเคราะห์นโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของออสเตรเลีย ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจ
นายรูเซอร์ ซึ่งมีชื่อเสียงจากการวิเคราะห์สถานการณ์ในพื้นที่ความขัดแย้งหลายแห่งทั่วโลก อาทิ ยูเครนและเมียนมา และข้อมูลของเขามักถูกนำไปอ้างอิงโดยสื่อใหญ่ๆ หลายครั้ง ได้ระบุจากการตรวจสอบข้อมูลที่ละเอียดว่า เหตุการณ์ยกระดับความขัดแย้งส่วนใหญ่น่าจะเริ่มต้นจากฝั่งกัมพูชา
นาธาน รูเซอร์ ได้เผยแพร่ไทม์ไลน์และข้อสังเกตเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปะทะเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของกัมพูชาในการยกระดับสถานการณ์:
จากการรวบรวมข้อมูลอย่างคร่าวๆ ในสเปรดชีตของเขา นายรูเซอร์พบว่า
หากจำกัดข้อมูลเฉพาะช่วงก่อนวันที่ 28 พฤษภาคม สถิติคือ กัมพูชา 10 เหตุการณ์, ไทย 3 เหตุการณ์ และลดความรุนแรงร่วมกัน 5 เหตุการณ์
---
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม การปะทะได้เริ่มต้นขึ้นประมาณ 8.00 น. ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม (Ta Muen Thom Temple) มีการโจมตีด้วยปืนใหญ่ในวงกว้าง ทำให้ทหารและพลเรือนไทยเสียชีวิต แต่จำนวนผู้เสียชีวิตยังมีความคลาดเคลื่อนกันเมื่อเทียบกับสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก
ด้าน ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ส่งจดหมายเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเข้าแทรกแซงในสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นการ "รุกรานทางทหารโดยตั้งใจ" โดยทหารไทยตามแนวชายแดนที่ติดกับกัมพูชา โดยอ้างว่าไทยรุกรานโดยปราศจากการยั่วยุและมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ประณามไทยว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง และละเมิดหลักการต่างๆ ที่ยึดถือโดยสหประชาชาติและกฎบัตรอาเซียน ย้ำว่ากัมพูชาป้องกันตนเอง เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศและบูรณภาพแห่งดินแดน และเรียกร้องให้หยุดความเป็นปรปักษ์ในทันที
ข้อมูลจากนายรูเซอร์ให้มุมมองเพิ่มเติมต่อสถานการณ์ความขัดแย้งที่ซับซ้อนนี้ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของกัมพูชาในการยกระดับความตึงเครียดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
สามารถติดตามรายละเอียดและข้อมูลจาก นาธาน รูเซอร์ ได้ที่ Nathan Ruser (@Nrg8000) / X