svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

กต.ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชา ขู่! ไทยพร้อมยกระดับตอบโต้

กต.ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพกัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตยเป็นปฏิปักษ์ต่อไทย - ขู่! ไทยพร้อมยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 ก.ค.) ที่ฝ่ายกัมพูชา เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการณ์ของไทย ประสาทตาเมียนธม จังหวัดสุรินทร์ และยิงจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด เข้ามาในพื้นที่ชุมชนบริเวณศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และยังมีการโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางการทหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่อำชายแดนเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และพื้นที่ต่าง ๆ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัสหลายราย และเมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) ยังเกิดเหตุทหารไทย เหยียบกับระเบิดระหว่างลาดตระเวนในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม 5 นาย และ 1 นายได้รับบาดเจ็บสาหัสสูญเสียขาขวา และจากการตรวจสอบของกองทัพภาคที่ 2 คาดว่า เป็นทุ่นระเบิดที่ถูกนำมาวางใหม่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ซ้ำซ้อน และเกิดขึ้นในระยะเวลา 1 สัปดาห์ จากกรณีที่ทหารไทยอีกชุด ประสบเหตุลักษณะเดียวกันที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี

โดยแถลงการณ์ฯ ระบุว่า รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชา ที่ละเมิดอธิปไตยของไทย และกฎหมายระหว่างประเทศต่อเหตุการที่ฝ่ายกัมพูชา ลอบเข้ามาวางกับระเบิดในดินแดนไทย และเป็นผลให้ทหารไทย ได้รับบาดเจ็บ พร้อมยังเปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการของฝ่ายไทย เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 ก.ค.) รวมทั้ง ยังโจมตีอย่างรุนแรง และต่อเนื่องในพื้นที่ฝั่งไทยตลอดเช้านี้ ซึ่งเป็นพื้นที่พลเรือนโดยเฉพาะโรงพยาบาล จนเป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บ และเสียชีวิต ดังนั้น เมื่อคำนึงถึงความร้ายแรงดังกล่าว ที่กัมพูชาจงใจมีการกระทำเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อประเทศไทย รัฐบาลไทย จึงตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และเชิญเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กลับประเทศไทย และให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย กลับไปประเทศเช่นกัน

 

รัฐบาลไทย ยังเรียกร้องให้กัมพูชา ยุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้อยแรงซ้ำ ๆ ซึ่งขัดต่อหลักการความไม่เป็นเพื่อนบ้านที่ดี และความสุจริตใจ อีกทั้งยังเป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือของกัมพูชาต่อประชาคมโลก พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชา รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหาร และพลเรือน และยุติการละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที โดยรัฐบาลไทย พร้อมยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง หากกัมพูชายังคงไม่ยุติการโจมตีทางอาวุธ และละเมิดอธิปไตยไทยตามหลักสากล และกฎหมายระหว่างประเทศ

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (24 ก.ค.) จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ซึ่งจะมีการหารือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และพิจารณามาตรการ และแนวทางการดำเนินการในขั้นต่อไปอย่างรอบด้าน พร้อมยืนยันว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานอย่างมีเอกภาพ และดำเนินการไปพร้อมกันทั้งด้านความมั่นคง การทูต การบริหารจัดการในพื้นที่ชายแดน และมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยประชาชน จึงขอให้ประชาชน เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ ทุกหน่วยงานทั้งรัฐบาล และฝ่ายความมั่นคง ซึ่งความสามัคคีของคนในชาติ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้

 

ส่วนไทยจะยังคงย้ำจุดยืนสันติภาพ และการเจรจาแบบทวิภาคีอยู่หรือไม่นั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจาก หลักการดังกล่าว จะถูกนำไปพิจารณาในที่ประชุม สมช.ช่วงบ่ายวันนี้ (24 ก.ค.)

 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังชี้แจงต่อสังคมที่มีการตั้งคำถามถึงสาเหตุที่ฝ่ายไทยที่ต้องอดทน และดำเนินการตามกฎระเบียบ สวนทางกับกัมพูชา ที่จะทำอะไรก็ได้ โดยย้ำว่า ประเทศไทย ย้ำหลักการการเป็นประเทศที่ยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ ธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และอาเซียน ทำให้ไทยใช้ความอดทนอดกลั้นจนถึงจุดนี้ และการเปิดฉากโจมตีวันนี้ (24 ก.ค.) ฝ่ายไทยก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม และไทยได้ป้องกันตนเอง ซึ่งได้ดำเนินการอย่างสมเหตุสมผล เพื่อปกป้องอธิปไตยชาติ และปกป้องคนไทย

 

ส่วนในอนาคตจะมีการพิจารณา “ตัดความสัมพันธ์ทางการทูต” กับกัมพูชาหรือไม่นั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ในการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูต สามารถลดระดับความสัมพันธ์อย่างเป็นขั้นตอน หากถึงที่สุดแล้ว ก็จะนำไปสู่การตัดความสัมพันธ์ และในวันนี้ (24 ก.ค.) ได้เชิญเอกอัครราชทูตไทยกลับประเทศแล้ว แต่ก็ยังเปิดช่องให้ข้าราชการที่เป็นนักกการทูตยังหารือกันได้อยู่ เพราะก็ยังมีการดูแลคนไทยที่พำนักในกัมพูชา ราว 1,000 คน ซึ่งขณะนี้ สถานเอกอัครราชทูต กำลังตรวจจำนวนที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่การตัดความสัมพันธ์เป็นเรื่องยาก เพราะจะไม่มีช่องทางการติดต่อ หรือลดแรงกดดันระหว่างกัน จะถูกปิดลงไป ไม่สามารถเจรจาหาความสงบได้ ดังนั้น จึงยังไม่ไปถึงจุดนั้น

 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประเทศไทยได้มีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศแล้ว และนายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก และได้มีโอกาสพบผู้แทนระดับสูงจากต่างประเทศ จึงได้ใช้โอกาสนี้ ยืนยันจุดยืนประเทศไทยต่อประชาคมโลกในการแก้ปัญหาอย่างสันติ และการเจรจาผ่านกรอบทวิภาคี ซึ่งในวันนี้ (23 ก.ค.) ได้พบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ประจำเดือนกรกฎาคม รวมถึงยังได้พบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประเทศปานามา ซึ่งจะเป็นประธาน UNSC ในเดือนสิงหาคม ซึ่งทั้งฝ่ายปากีสถาน และปานามา ก็เห็นพ้องในการแก้ปัญหาของไทย ที่จะใช้กลไกทวิภาคี และหากมีการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ก็จะต้องมีการแก้ไข และในวันนี้ (24 ก.ค.) ยังจะได้พบกับเลขาธิการสหประชาชาติ และผู้นำประเทศสำคัญต่าง ๆ อาทิ ญี่ปุ่น และรัสเซีย จึงยืนยันได้ว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่

 

Statement on Thailand-Cambodia Situation.

The Royal Thai Government condemns in the strongest terms the violations of Thailand’s sovereignty and international law, following the laying of anti-personnel landmines within Thai territory that caused injuries to Thai military personnel while Thai soldiers were patrolling on 16 and 23 July 2025. On the morning of 24 July 2025, heavy artillery was fired into the Thai military base and continued throughout the morning. The attacks also targeted Thai civilian areas, including a hospital, resulting in civilian casualties and fatalities.

Therefore, taking into consideration the severity of the situation as a result of Cambodia’s intentional and premeditated act against Thailand, the Royal Thai Government has decided to downgrade our diplomatic relations and recall the Thai Ambassador to Cambodia back, as well as requests the Government of Cambodia to recall its Ambassador to Thailand, respectively.

The Royal Thai Government urges Cambodia to cease its repeated act which constitutes a severe violation of international law. Such actions fundamentally contradict the principles of good neighborly relations and good faith, and will further undermine Cambodia's reputation and credibility on the global stage.

The Royal Thai Government calls upon Cambodia to take responsibility for the incidents that have occurred, cease attacks against civilian and military targets, and stop all actions that violate Thailand’s sovereignty. The Royal Thai Government is prepared to intensify our self-defense measures if Cambodia persists in its armed attack and violations upon Thailand's sovereignty in accordance with international law and principles.