
22 กรกฎาคม 2568 คำสัมภาษณ์แบบยาวๆ ของ “บิ๊กเล็ก” พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) นำมาสู่กระแสวิจารณ์ และโต้แย้งอย่างกว้างขวาง
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม
ที่สำคัญ มีการเปรียบเปรยกับพฤติกรรมของ “หมา” อยู่ 2 ครั้ง 2 ประโยค ได้แก่
“ตอนนี้ตัวผมเอง วิ่งเหมือนหมาที่กัดเห็บในหางตัวเอง คือพยายามจะทำให้ดีที่สุด”
“ผมจะโดนทั้ง 2 ทาง ขณะนี้พี่น้องอีก 70 จังหวัดก็จะมาด่าว่า ทำไมดูไม่เข้มแข็งเด็ดขาด เหมือนหมานำราชสีห์ แต่ไม่เคยว่าพี่น้อง 7 จังหวัดชายแดนว่าพวกเขาจะเดือดร้อนอย่างไร”
คำแรก “หมาที่กัดเห็บในหางตัวเอง” ประโยคเปรียบเปรยนี้ เดาความหมายไม่ยาก คือ เปรียบกับความยากลำบากในภารกิจที่ทำ เนื่องจาก “หมาที่กัดเก็บในหางตัวเอง” เอี้ยวตัวไปทำยาก แม้จะเป็นเรื่องใกล้ตัว เกิดกับตัว เหมือนจะมีอำนาจแก้ไขได้ (กัดเห็บที่เกาะกินเลือดตัวเอง) แต่ตำแหน่งของเห็บอยู่ที่หาง จึงลำบากที่จะกัดเห็บ
สรุปคือ เป็นงานยาก แม้จะอยู่ในอำนาจรับผิดชอบของตน และคนทั่วไปนึกว่าง่าย
คำที่ 2 “หมานำราชสีห์” คำนี้น่าสนใจกว่า และแปลความยากกว่า
“ข่าวข้นคนข่าว” สืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ต พบว่า คุณไพศาล พืชมงคล นักคิดและนักวิเคราะห์การเมือง เคยโพสต์ข้อความนี้เอาไว้ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับ “บิ๊กเล็ก” เพราะโพสต์เอาไว้นานกว่า 2 ปีแล้ว
“โลกนิติ (หมายถึง โคลงโลกนิติ - อ่านว่า โลก-กะ-นิด) บทที่ว่า ฝูงราชสีห์ที่ีมีหมานำฝูง สู้ฝูงหมาที่ราชสีห์นำฝูงไม่ได้นั้น ไม่ได้หมายความว่าฝูงราชสีห์จะพ่ายแพ้เสมอไปและตลอดไป เพราะเมื่อใดที่ราชสีห์ตัวใดสามารถกำจัดหมาที่นำฝูงเสียได้ แล้วให้ราชสีห์ตัวใดตัวหนึ่งนำฝูงแทน ก็สามารถขย้ำฝูงหมาราบคาบได้โดยง่าย”
จากโพสต์ของ คุณไพศาล เราจึงไปสืบค้นต่อใน “โคลงโลกนิติ” พบข้อความต้นเรื่อง เป็นโคลง และความหมายดังนี้
“หมู่นกกระจอกเจ้า / จับจ้อง
หมานำราชสีห์ร้อง / เรียกไล่
ช้างน้อยหาญแหย่ช้าง / ใหญ่ยิ่ง
นี่แหละโลกสมมติไซร้ / สัตว์สู้คนพาล”
โคลงบทนี้ใช้เพื่อสะท้อน ความวิปลาสของสังคม – บางครั้งคนอ่อนด้อย (หมา) กลับขึ้นนำหรือออกคำสั่งแก่ผู้ยิ่งใหญ่ (ราชสีห์) ซึ่งเป็น คติเตือนใจให้ไม่หลงในอำนาจหรือฐานะ และให้เห็นว่านี่เป็นเพียงความสมมติของโลก ไม่ใช่ความจริงแท้
อย่างไรก็ดี “บิ๊กเล็ก” ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็น “หมานำราชสีห์” แต่เปรียบเทียบซ้อนเปรียบเทียบว่า / การที่ตัวเองไม่ได้เล่นบทขึงขังกับเขมร เพราะเป็นห่วงคนไทยบริเวณ 7 จังหวัดชายแดนกัมพูชา ซึ่งต้องเดือดร้อน / แต่คนไม่เข้าใจ จนไปมองว่า “บิ็กเล็ก” อ่อนแอ เหมือน “หมานำราชสีห์” ทั้งที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น
ถอด 6 ตรรกะ “บิ๊กเล็ก” โต้เด็กงอแง?
สำหรับ บทสัมภาษณ์ของ “บิ๊กเล็ก” วันนี้ แม้จะพยายามตอบโต้ชี้แจงกระแสวิจารณ์จากสื่อ และคนในสังคม / แต่คำชี้แจงของ “บิ๊กเล็ก” ก็ถูกตั้งคำถามกลับ พอสมควรเช่นกัน
1.การทำงานของภาครัฐ ต้องทำตามขั้นตอน อาจดูล่าช้าไม่ทันใจ แต่ไปโพสต์แบบ ฮุนเซน ฮุนมาเนต ไม่ได้ มิฉะนั้นจะเท่ากับ “ศีัลเสมอกัน”
ข้อโต้แย้ง : สื่อและสังคมไม่ได้บอกให้ทำเหมือนผู้นำกัมพูชา แต่ให้ตอบโต้ และเท่าทัน ทันเกม ซึ่งที่ผ่านมาสังคมมองว่ายังช้าเกินไป ตั้งรับเกินไป และไม่ทันเกมกัมพูชาเลย
2.เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตรวจหาทุ่นระเบิดเพิ่มเติมไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่อาจประสบอุบัติเหตุอีก
ข้อโต้แย้ง : การตอบโต้หรือประณามกัมพูชา ไม่จำเป็นต้องรอตรวจพื้นที่ให้เสร็จทั้งหมดก่อน เพราะเมื่อยืนยันได้ว่าทุ่นระเบิดจุดแรกที่ทหารไทยเหยียบ เป็นระเบิดใหม่ ฝังใหม่ ล้ำแดน ก็สามารถประท้วง ประณาม ได้ทันที
3.กระบวนการตรวจสอบหลังเสียงระเบิดดัง กว่าจะแถลงอย่างเป็นทางการโดย ศบ.ทก.ได้ ใช้เวลา 5 วัน ถือว่าเร็วแล้ว
ข้อโต้แย้ง : สื่อและสังคมมองว่าช้า
4.การประท้วงตามอนุสัญญาออตตาวา ยื่นวันศุกร์ หรือวันจันทร์ก็ค่าเท่ากัน เพราะการประชุมรัฐภาคีจะมีในเดือน พ.ย.-ธ.ค.
ข้อโต้แย้ง : การประท้วง หรือร้องเรียนเร็ว ย่อมสร้างข่าวได้เร็ว โต้กลับและกดดันกัมพูชาได้เร็ว ไม่จำเป็นต้องรอประชุม แต่สามารถใช้กลไกอื่นๆ ขับเคลื่อนต่อไปได้เลย และร้ององค์กรอื่นๆ เพิ่ม เช่น ยูเอ็น หรือแม้แต่กลไกอาเซียน
5.ขอความเห็นใจ อย่าตำหนิมา กลัวเจ้าหน้าที่เสียกำลังใจ และ ศบ.ทก.งานเยอะ รมว.กลาโหมก็รับผิดชอบหลายปัญหา ไม่ใช่เฉพาะกัมพูชา
ข้อโต้แย้ง : ประชาชนไม่ได้ขอให้ท่านมาเป็นรัฐมนตรี แต่ท่านได้รับการเสนอชื่อจากรัฐบาล หรือพรรคการเมืองที่ท่านสังกัด และท่านไม่ปฏิเสธ จึงต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และฟังเสียงประชาชน
6.อ้างว่าการประท้วงกัมพูชา พูดออกสื่อก่อนไม่ได้ ต้องรอที่ประชุม ศบ.ทก.ชุดใหญ่ กลัวกัมพูชาจะรู้ เหมือนบอกข้อสอบกัมพูชา
ข้อโต้แย้ง : สิ่งที่รัฐบาลไทย หรือ ศบ.ทก.กำลังดำเนินการ เป็นกระบวนการปกติ ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย และกัมพูชาก็เดาได้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องปกปิด