
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมากรับหลักการร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดยพรรครวมไทยสร้างชาติ และร่างกฎหมายที่เสนอโดยนายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม รวมถึงร่างกฎหมายที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย รวม 3 ฉบับ พร้อมมติเสียงข้างมาก ไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ที่เสนอโดยพรรคประชาชน และร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 36,723 คน พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อปรับแก้ร่างกฎหมายฉบับพรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคกล้าธรรม และพรรคภูมิใจไทย ที่สภาผู้แทนราษฎร มาพิจารณาในชั้นกรรมาธิการฯ ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป
ทั้งนี้ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะผู้เสนอร่างกฎหมายฉบับพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้ทำเพื่อกลุ่ม กปปส.แต่ทำเพื่อประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งแม้เนื้อหาในร่างกฎหมาย จะขัดใจบางพรรคการเมือง แต่จะเป็นโอกาสที่พาประเทศไปตามระบอบประชาธิปไตย พร้อมยืนยันว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่รับหลักการร่างกฎหมายที่มีการนิรโทษกรรม ในคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้สรุปการอภิปรายการเสนอร่างกฎหมายฉบับพรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่า ตนเองเห็นใจในบางกรณีสำหรับกลุ่มผู้ต้องหาในคดีอาญา มาตรา 112 จำนวนไม่น้อย ที่จงใจฝ่าฝืนกฎหมาย และกระทำผิดซ้ำ จนต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งพรรคภูมิใจไทย เห็นว่า บางกรณีที่ถูกลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ระบุไม่ยุติธรรมนั้น ก็ยังมีช่องทางอื่น เช่น การขออภัยโทษ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้รังเกียจผู้ที่กระทำผิดมาตรา 112 แต่กังวลว่า สิ่งที่จะเป็นผลตามมา คือ การนำไปสู่ความไม่สงบสุขของสังคม และเกิดความขัดแย้งใหม่ จึงไม่อาจเยียวยาบาดแผลเก่า ด้วยการสร้างบาดแผลใหม่ได้
ด้าน นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้แทนผู้เสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ฉบับภาคประชาชน ระบุว่า แม้ สส.หลาคนจะไม่รับร่างกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับคนที่มีคดีมาตรา 112 แต่จากตัวอย่างของคนที่โดนคดีดังกล่าว พบว่า เป็นบุคคลที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาโดยไม่มีความผิดแท้จริง และบางคนติดคุกฟรี ดังนั้น หากสภาต้องการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ทำร้ายร่างกาย เป็นกบฎ ก่อการร้าย ปิดสนามบิน ยึดทำเนียบ ประชาชนเดือดร้อนและเสียหาย แต่ไม่นิรโทษกรรมบุคคลในคดีมาตรา 112 เท่ากับเป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่ได้ต้องการช่วยคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมเห็นว่า การนิรโทษกรรมคนที่ทำผิดกฎหมาย แต่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับผลที่ตามมา ใช้อภิสิทธิ์ที่รู้จัก สส.ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้พวกตัวเอง ให้คนพ้นผิดทุกข้อกล่าวหา แต่คุมขัง ตีตราคนอีกกลุ่มหนึ่งไปตลอด คือ การไม่สร้างสังคมสันติสุขและออกกฎหมายเลือกปฏิบัติที่ชัดเจน
ขณะที่ นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ย้ำว่า เนื้อหาร่างกฎหมายของพรรคประชาชน และภาคประชาชน แม้มีความหวังแค่ 1% ที่สภาฯ จะรับหลักการ แต่ก็มี สส.ส่งข้อความมาว่า เห็นใจ เข้าใจ แต่ทำไม่ได้ เพราะกลัวจะถูกยุบพรรค และบางคนพูดด้วยความขี้ขลาดว่า คนของพวกพี่ ไม่มีใครอยู่ในคุกแล้ว พร้อมยืนยันว่า ร่างของพรรคประชาชน ไม่มีการขัดหลักการของร่างฉบับอื่น และไม่มีจุดใด ที่จะนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 และเข้าใจว่า หากการรับหลักการร่างของพรรคประชาชน และภาคประชาชน ยังมีความตะขิดตะข่วงใจ ก็ขอให้กดงดออกเสียง
สำหรับการลงมติร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดยพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ที่ประชุมเห็นด้วย 299 เสียง งดออกเสียง 172 เสียง, ร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดย สส.พรรคกล้าธรรม ที่ประชุมเห็นด้วย 311 เสียง งดออกเสียง 158 เสียง, ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ที่พรรคประชาชนเป็นผู้เสนอ ที่ประชุม เห็นด้วย 147 เสียง ไม่เห็นด้วย 319 เสียง, ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประชาชน ที่เสนอโดยนางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 36,723 คน ที่ประชุมเห็นด้วย 149 เสียง ไม่เห็นด้วย 306 เสียง งดออกเสียง 20 เสียง และร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดยพรรรคภูมิใจไทย ที่ประชุมเห็นด้วย 311 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง 147 เสียง
สำหรับกรรมาธิการฯ ที่เข้าร่วมด้วย อาทิ สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ สัดส่วนพรรคประชาชน ประกอบด้วย หม่อมหลวงศุภกิตต์ จรูญโรจน์, นายโคธม อารียา และนายชัยธวัช ตุลาธน เป็นต้น