
1.จัดการ ”ภูมิใจไทย“ ไม่ใช่แค่ล้างแค้น - คุณทักษิณใช้เวลาพูดประเด็นนี้มากกว่า 30 นาที จากเวลารวม 90 นาทีเศษ
- แฉเบื้องหลัง ออกจากการร่วมรัฐบาล เพราะต่อรองกระทรวงไม่สำเร็จ (ขอคมนาคมและมหาดไทย)
- เพื่อไทยจะเปิดเกมรุก ตรวจสอบต่อเนื่อง
- จัดการปัญหาที่ดินเขากระโดง + ทลายเครือข่ายหัวคิวแรงงาน
**สองกระทรวงเกรด A ที่ภูมิใจไทยเคยคุม คือ มหาดไทย (กรมที่ดิน) และกระทรวงแรงงาน)
**นัย : ต้องการเตะสกัด-เตะตัดขาล่วงหน้า ก่อนถึงศึกเลือกตั้งใช่หรือไม่ เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรภูมิใจไทยก็เป็นคู่แข่งในภาคอีสาน และเพื่อไทยไม่มีพรรคสำรองไปสู้ เนื่องจากตัวเองเป็น “ซูเปอร์แบรนด์” ในอีสานอยู่แล้ว จึงต้องใช้วิธีทำลายคู่แข่งอย่างเดียว
ผิดกับในภาคใต้ หรือภาคอื่นๆ บางภาคที่ใช้ “พรรคเครือข่าย - พรรคนอมินี - พรรคพันธมิตร” ไปสู้แทนได้ เช่น พรรคโอกาสใหม่
2.การเมืองไม่มีทางตัน - คุณทักษิณยืนยัน เหมือนเรียกความเชื่อมั่นจากทุกฝ่ายว่า การเมืองจะไม่ถึงทางตันตามที่หลายฝ่ายสร้างกระแส แม้ลูกสาวจะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯอยู่
- เสนอออปชั่นการเมือง 3 แนวทาง
หนึ่ง นายกฯแพทองธารรอดบ่วงศาลรัฐธรรมนูญ ได้ไปต่อ คราวนี้อยู่ยาว ผลักดันนโยบายเรือธงทั้งหมด (นัยว่าอยู่ถึงปี 70)
สอง ถ้านายกฯไม่ได้ไปต่อ ก็เปลี่ยนตัวนายกฯ เป็น คุณชัยเกษม นิติสิริ / ประกาศชูกลางเวทีว่ายังแข็งแรง ตีกอล์ฟสบาย
สาม ยุบสภา
**นัย : รักษาอำนาจไว้ในมือเพื่อไทย ไม่ว่าจะอย่างไร เผชิญสถานการณ์แบบไหน ก็ยังขอเป็นแกนนำรัฐบาล แม้ไปต่อไม่ได้ ต้องยุบสภา ก็ขอยุบเอง เพื่อคงสถานะความเป็น “รัฐบาลรักษาการ”
**คำถาม ผ่าทางตันประเทศไทย หรือผ่าทางตันพรรคเพื่อไทย
**นัย : แปลว่าไม่มั่นใจว่าลูกสาวจะรอดคดีใช่หรือไม่ จึงมีออปชั่นที่ 2 และ 3 โดยเฉพาะออปชั่นยุบสภา ซึ่งปกติพรรคแกนนำจะไม่ยอมพูดผ่านสื่อ เพราะจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นทันที
3.ไม่กล้าหักองค์กรอิสระ - หลายคนผิดคาด คิดว่าคุณทักษิณจะถล่มองค์กรอิสระ เพราะตรวจสอบลูกสาวอยู่ และเกมนิติสงครามกำลังเข้มข้น
- แต่ท่าทีคุณทักษิณ เรียบร้อยผิดสังเกต ถึงขั้นพูดว่ายอมรับการตรวจสอบทุกกรณี
- เมื่อถูกถามถึงอดีต เมื่อครั้งตัวเองก็เคยโดนนิติสงคราม คุณทักษิณยังออกตัวแทนว่า สมัยนี้ดีกว่าสมัยก่อน / จากในอดีต องค์กรอิสระเป็นทั้ง command และ control (พูดง่ายๆ คือ ชงเอง ตบเองทั้งหมด) แต่ปัจจุบันเป็นการพิจารณาตามคำร้อง ปัญหาคือใครๆ ก็ร้องได้ ทำให้มีเรื่องหยุมหยิมกวนใจ แต่ก็เชื่อว่าสุดท้ายลูกสาวจะรอด
**นัย : ไม่มั่นใจ/ยังกังวลคดีลูกสาว จึงต้องการเรียกร้องความเห็นใจจากองค์กรอิสระ (รวมถึงการเตรียมออปชั่นเปลี่ยนนายกฯ และยุบสภาเอาไว้รอ)
4.การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร - คุณทักษิณเปิดทางถอยทางการเมืองเอาไว้อย่างชัดเจน แต่อีกนัยหนึ่งก็เหมือนส่งสัญญาณขู่ “ผู้กำกับการเมือง” หรือไม่ โดยเอ่ยบนเวทีทำนองว่า
- แดงผสมส้มได้ เป็นสีแสด แต่จะร้อนแรงไปหน่อย
- น้ำเงินผสมส้มได้ แต่เป็นสีม่วง ไม่สวย
**นัย : ขู่กลับใครหรือไม่? หรือเปิดทางถอยทางการเมือง ไม่ดึงดันเหมือนในอดีต เพื่อรักษาอำนาจให้นานที่สุด อย่างน้อย ถ้าไม่เป็นพรรคนำ ก็เป็นพรรคร่วมฯ หรือร่วมแชร์อำนาจ
**แต่สุดท้ายย้ำ “ผมไม่ทำงานกับใครที่กระทบกระเทือนสถาบัน” สะท้อนว่าถึงอย่างไรก็ยังยอมฝ่าย “อนุรักษ์นิยมสายจารีต” รับประกันไม่รวม “ส้ม” ใช่หรือไม่ โดยหวังว่าจะทำให้ “มรสุมนิติสงคราม” ที่กำลังโจมตีลูกสาวอยู่ ผ่านไปได้ด้วยดี
// กัมพูชา //
1.ไฮไลต์สำคัญที่สุด คือ เบื้องหลังคลิปเสียงฮุนเซน คุยกับนายกฯอิ๊งค์ ว่ามาได้อย่างไร คุยกันที่ไหน ใครอยู่ด้วยบ้าง และเหตุใดฮุนเซนจึงปล่อยคลิป
แต่คุณทักษิณยังเล่าไม่จบ บนเวทีสัมภาษณ์ของ 3 บก.เนชั่น
บนเวที...คุณทักษิณบอกว่า ลูกสาว (นายกฯแพทองธาร) เตรียมจะคุยกับ สมเด็จฮุนเซน เพราะฝ่ายฮุนเซนติดต่อมา นัดจะคุยกัน
โดยนายกฯอิ๊งค์จะคุยตามโปรโตคอล มีบุคคลที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย ทั้ง รองฯภูมิธรรม รมว.ต่างประเทศ และเลขาธิการนายกฯ รวมถึง เคลียง ฮวด (ล่าม) ใช้สถานที่โรงแรมโรสวูด
แต่พอถึงเวลานัด กลับติดต่อฮุนเซนไม่ได้ ภายหลังทราบว่านอนหลับ รอนานเกือบ 2 ชั่วโมง คณะฝ่ายไทยจึงสลายตัว ต่างคนต่างกลับ (คุณทักษิณแสดงความเห็นว่าน่าจะเป็นความจงใจของฮุนเซน ในลักษณะวางแผนเอาไว้แล้ว และเวลาที่หายไป น่าจะเตรียมแอบอัดเทป)
หลังจากนั้น ฮุนเซน จึงโทรเข้ามาที่เบอร์มือส่วนตัวของนายกฯอิ๊งค์ ตอนที่แยกกับทุกคนแล้ว...
คุณทักษิณเล่าค้างไว้เท่านี้ แล้วก็มีคำถามประเด็นอื่นแทรกขึ้นมา เรื่องที่เล่าจึงยังไม่สิ้นกระแสความ โดยเฉพาะสาระสำคัญที่คนไทยอยากรู้
“ทีมข่าวข้นคนข่าว” ได้นำประเด็นนี้ไปถามคุณทักษิณต่อในรอบสัมภาษณ์สื่อ ทั้งข้อสงสัยที่ว่า เหตุใดการโทรคุยส่วนตัว จึงยังมีเสียง “เคลียง ฮวด” อยู่ด้วย ตกลงไปคุยกันที่ไหน และมีใครอยู่ด้วยอีกบ้าง และทำไมถึงต้องพูดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นคนละฝ่ายกับเรา / และนี่คือคำตอบจากคุณทักษิณ
คำตอบของคุณทักษิณ คุณผู้ชมดูอากัปกิริยาแล้ว ฟังขึ้นหรือไม่ และความหมายของการพูดถึงแม่ทัพภาค 2 แบบที่อธิบายนั้น ฟังขึ้นหรือเปล่า แต่มีข้อน่าสังเกตคือ การอ้างว่า
“ความคิดทางการเมืองคนละอย่าง” กำลังมีการสร้างกระแสขึ้นมาในช่วงนี้ว่าไม่ผิดจริยธรรม
โดยมีผู้นำทางความคิดบางคนเริ่มออกมาพูด เช่น อาจารย์พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ / เคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นทีมกฎหมายของพรรค แต่ลาออกเมื่อพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว / แต่วันนี้เป็นสมาชิกพรรคประชาชน
**น่าสนใจว่า คำอธิบายแบบนี้ อาจถูกนำไปใช้ในการชี้แจงศาลรัฐธรรนมูญด้วยหรือไม่
2.ให้น้ำหนักความไม่พอใจของฮุนเซน มาจากการเสียผลประโยชน์ธุรกิจสีเทา
3.มั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่รบกัน ไม่มีสงคราม เป็นแค่บททดสอบใครดำน้ำอึดกว่ากัน
- เหตุใดจึงมั่นใจแบบนี้
- การพูดถึงปัญหากัมพูชาว่า ใครดำน้ำอึดกว่ากัน เป็นการ “ผ่าทางตันของปัญหา” ตรงไหน หลายคนตั้งคำถาม