6 กรกฎาคม 2568 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "การชุมนุมทางการเมืองในสายตาคนไทย 2568"
กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,167 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคน 2568
พบว่า กลุ่มตัวอย่าง
- ไม่สนใจเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง ร้อยละ 38.39
- คิดว่าการชุมนุมทางการเมืองในปัจจุบัน มีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศในระดับปานกลาง ร้อยละ 48.93
- จุดเด่นคือสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ร้อยละ 55.28
- จุดด้อยคือมีความเสียงต่อความรุนแรง ร้อยละ 48.16
ทั้งนี้เมื่อมีการชุมนุมนุมทางการเมืองก็คาดหวังว่า จะมีการลาออกของผู้นำรัฐบาล ร้อยละ 58.58
ในสถานการณ์ปัจจุบันหากเกิดรัฐประหารก็ไม่เห็นด้วย เป็นการละเมิดระบอบประชาธิปไตยร้อยละ 42.50
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า"จากผลสำรวจประชาชน มองว่าการชุมนุมเป็นสิทธิที่พึงมี แต่ไม่ได้เชื่อว่าเป็นทางออกที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างแท้จริง
เนื่องจากที่ผ่านมามักตามมาด้วยผลเสียมากกว่าประโยชน์ของประชาชน
แม้รัฐประหารเคยถูกมองว่าเป็นทางออกในบางช่วงเวลา
แต่บทเรียนที่เจ็บปวดจากหลายครั้งหลายหน ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจนอกระบบอีกต่อไป"
ผู้ช่วยศาสตราจารย์กัญญกานต์ เสถียรสุคนธ์ อาจาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมืองมหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า
ผลการสำรวจข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของภาพสะท้อนการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกปกป้องอธิปไตย บริเวณอนสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในวันเสาร์ที่ 28 มิถนายน 2568
กิจกรรมการชุมนุมเกิดขึ้นเพื่อแสดงถึงความไม่พอใจในนโยบายของรัฐบาลไทยต่อประเด็นความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา และท่าทีของนายกรัฐมนตรีไทย ต่อปัญหาดังกล่าว
การชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากซึ่งถือเป็นครั้งแรกในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา การมีส่วนร่วมทางการเมืองและการแสดงออกของประชาชน
สอดคล้องกับผลสำรวจที่เชื่อว่าการแสดงออกทางกางการเมือง ในรูปแบบดังกล่าวจะสามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแรงกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง หรือการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ อันเป็นไปตามแนวทางการปกครองระบอบประชาธิปไตย
และจะต้องไม่ การรัฐประหารเป็นทางออกเพื่อยุติความขัดแย้งทางการเมืองเหมือนเช่นที่ผ่านมา