
25 มิถุนายน 2568 นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “คมชัดลึก” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ "เนชั่นทีวี" ตอนหนึ่งถึงกรณีการเปิดฉาก “นิติสงคราม” ส่อทำให้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เสี่ยงพ้นจากตำแหน่ง โดยในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีการประชุมกัน 1 ก.ค.นี้ มีแนวโน้มว่า จะพิจารณาคำร้องของประธานวุฒิสภา กรณีกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง และขอให้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ จากปมคลิปเสียงฮุนเซน
นายจรัญ เห็นว่า จำเป็นมาก เพราะว่าสถานการณ์บ้านเมือง มันชัดเจนเลยว่า เข้าลักษณะ Conflict ระหว่างประเทศไทย กับประเทศข้างเคียง แล้วขณะที่เกิดกระแสที่จะขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ประชาชนก็เรียกร้องไปในทิศทางที่ว่า เราต้องเข้มแข็ง
“แล้วพอข้อมูลถูกเปิดเผยมาว่า อ้าว ท่านนายกฯเราไปออดอ้อนแบบนั้น มันเหมือนกับว่าไปแสดงท่าทีเป็นรองของคู่ขัดแย้งทางการสู้รบ และกระทบถึงเขตแดนของประเทศ รวมตลอดทั้งยังเป็นการยอมรับว่า พูดจริง อย่างนี้ไม่มีอะไรเคลือบแคลงสงสัยต้องตรวจสอบว่า นี่มัน Fake News หรือไม่ ใส่ร้ายกันหรือไม่ ก็เหลืออยู่จุดเดียว เอาคำแปลที่เป็นครบสมบูรณ์มากที่สุด ก็พอมีอยู่แล้ว เอามาใช้ประกอบการพิจารณา ก็น่าจะพอที่จะวินิจฉัยขั้นต้น ขั้นแรกได้เลยว่า จะรับหรือไม่รับคำร้อง” นายจรัญ กล่าว
ส่วนศาลจะต้องมีการไต่สวน หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายจรัญ กล่าวว่า กรณีกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ไม่มีเหตุอะไรต้องไปแสวงหาข้อเท็จจริงอื่นใด เพียงเพื่อจะมีคำสั่งว่า รับคำร้องนี้หรือไม่ อย่างไรก็ก่อนจะไปถึงในขั้นสุดท้าย ยังมีขั้นที่ก่อนผู้ร้องขอมาด้วย คือขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อรับแล้ว ให้พิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ไว้ชั่วคราวก่อน จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยถึงที่สุด ตรงนี้ก็ยากหน่อย
บ้าง นายจรัญ กล่าวว่า กรณีนี้เห็นว่า ค่อนไปในทำนองเดียวกันกับอดีตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะเหตุว่า มันกระทบประเด็นเรื่องความขัดแย้ง ระหว่าง 2 ประเทศ เกี่ยวกับพื้นที่ที่อ้างสิทธิขัดแย้งกันอยู่ จนกระทั่งมีการปะทะกันทางทหารเล็ก ๆ แต่มันพร้อมที่จะลุกลามบานปลายได้ แล้วถ้าไม่มีมาตรการชั่วคราว ก็ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงต่อความแตกแยกของความสามัคคีในประเทศเราเอง
เพราะอาจจะมีถึงข้อมูลให้เห็นว่า มีเหตุอันควรสงสัยแล้วว่า ฝ่ายทหารกับฝ่ายรัฐบาล ขัดแย้งกันหรือไม่ เป็นคนละพวก คนละฝั่งกันหรือไม่ เพราะฉะนั้นค่อนข้างเอียงไปในทางที่ มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีกรณีตามที่ สว.ร้องขอเข้ามา ส่วนปลายทางของคดี แล้วแต่พยานหลักฐาน เพราะว่าเราได้แต่ข้อมูลเบื้องต้น แต่จริง ๆ ความจริงเป็นอย่างไร ใช่หรือไม่ ศาลต้องดูละเอียด เรื่องนี้คาดว่าต้องใช้เวลาพิจารณา 3-6 เดือน หากศาลรับคำร้อง
ส่วนถ้านายกฯ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือพ้นจากตำแหน่ง จะเข้าทางประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหากับไทย ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณามุมนี้หรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า คิดว่าต้องพิจารณาแน่ ๆ แต่มีมุมมองในทางตรงข้าม ข้อมูลเวลานี้ชี้ให้เห็นว่า
“ท่านนายกฯ ท่านไม่เข้มแข็งพอที่จะดูแลประเทศชาติในยามภาวะศึกสงคราม หรือขัดแย้งอย่างรุนแรง ท่านนับญาติกับประเทศคู่ขัดแย้ง นึกออกหรือไม่ ถ้าท่านหยุดปฏิบัติหน้าที่ รัฐบาลไม่กระเทือน”
“รองนายกฯ ก็จะรักษาการแทน แม้ไม่ใช่ตัวจริง แต่ท่านเข้มแข็งมากกว่าแน่ ๆ ท่านเคยผ่านประสบการณ์อะไรที่เลวร้าย เข้าป่า หลากหลาย เพราะฉะนั้นตนมองว่า ถึงให้รองนายกฯที่จะรักษาการแทน ดีกว่า ปลอดภัยกว่า”
หากสมมติว่านายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ มีความเสี่ยงนำประเทศไปสู่ทางตันหรือไม่ อำนาจนอกระบบแทรกแซง เขากังวลกัน มองอย่างไร นายจรัญ กล่าวว่า อำนาจนอกระบบ ถ้าเขาจะแทรกแซง เขาแทรกแซงได้ทันทีที่คลิปฉาวนั้นถูกเปิดเผย แล้วนายกฯ ยอมรับว่าพูดจริง ความชอบธรรมมันเปิดให้แล้ว อำนาจนอกระบบมีหน้าที่พิทักษ์รักษาปกป้องบูรณภาพของประเทศ แผ่นดินไทย แม้แต่ตารางนิ้วเดียวเขาก็ต้องพลีชีพเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ แต่นี่มันไม่ใช่แค่ตารางนิ้วเดียว มันโอ้โห มันลากแผนที่ 1:200,000 มันกินหมด ยาวเหยียดเลย
นายจรัญ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ เรื่องยังสะสมมาตั้งแต่ PM2.5 สะสมมาตั้งแต่ใช้เงินหลวงไปราชการต่างประเทศ แล้วแถลงข่าวถ่ายรูปร่วมกับนักโทษหนีคดี หนีคำพิพากษาของศาลไทย ตำหนิศาลไทย อย่างนี้มันสะสมกันมาเป็นลำดับ ๆ เห็นหรือไม่ ถ้าเขาจะทำ เขาทำได้แล้ว แต่ตนคิดว่ามีความเห็นของประชาชน ส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ทหารเข้ามาใช้อำนาจนอกระบบ อยากให้กระบวนการทางกฎหมาย
“ถึงแม้จะมีใครกล่าวหาว่าเป็นนิติสงคราม ก็ยังดีกว่าที่จะให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร ในช่วงเหตุการณ์ของประเทศชาติขณะนี้ หรือการปลุกระดมประชาชน 2 ฟากฝ่ายเป็นสงครามกลางเมืองบนท้องถนน สู้ไปทางกฎเกณฑ์กติกาดีกว่า” นายจรัญ กล่าว