
20 มิถุนายน 2568 ปรับ ครม.หนนี้ เปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม แน่ เพื่อเปิดทางให้ “ทหาร” เข้ามากุมบังเหียน รับมือสถานการณ์ร้อน "ไทย-กัมพูชา"
และยังเป็นการแสดงความจริงใจของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกองทัพจริงๆ ไม่มีกั๊ก
เหตุนี้จึงต้องพัก “รมว.กลาโหมพลเรือน” เอาไว้ก่อน นั่นก็คือ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย น่าจะต้องจรลี
ส่วนชื่อที่จะมาแทน โค้งสุดท้ายมี 2 ชื่อ
หนี่ง คือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ “บิ๊กเล็ก” ซึ่งปัจจุบันนั่งเป็น รมช.กลาโหม และเป็น ผอ.ศบ.ทก. หรือ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่แล้ว
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์
“บิ็กเล็ก” เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 20 เคยเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก เสนาธิการทหารบก และจบเส้นทางสายกองทัพที่รอง ผบ.ทบ. ก่อนจะโยกไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในรัฐบาลลุงตู่ และเป็น ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “มือปราบโควิด” ในยุคลุงตู่เช่นกัน
ถือเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และการนั่งเก้าอี้ รมช.กลาโหม ก็ถูกมองว่าเป็นตัวเชื่อมระหว่างรัฐบาลเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม
สอง คือ พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และอดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ หรือ ผบ.นสศ. พูดง่ายๆ คือ อดีตผู้บัญชาการรบพิเศษ
พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์
แต่เดิมชื่อ “บิ๊กเล็ก” มาแรง เพราะถ้าขยับเป็น รมว.กลาโหม จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจกับการทำงานร่วมกับสายอนุรักษ์นิยม และเป็นการกระชับพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ให้แตกแถว หรือ “แทงกั๊ก”
ทว่าล่าสุด ชื่อ พล.อ.สุนัย มาแรงกว่า จนทำให้หลายคนพยายามค้นหาเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร
เรารวบรวมเหตุผลเท่าที่เสาะหาได้ มีดังนี้
1. พล.อ.สุนัย เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 21 รุ่นน้อง “บิ๊กเล็ก” 1 ปี แต่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทย เรียกว่ามีตัวเชื่อมกับคนในพรรค ทำให้การทำงานกับฝ่ายการเมืองที่นำโดยพรรคเพื่อไทย น่าจะราบรื่นลงตัวมากกว่า
2. พล.อ.สุนัย มีความสนใจงานการเมือง เพราะเคยลงสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ลพบุรี เมื่อไม่นานมานี้ และได้รับการสนับสนุนจาก สส.เพื่อไทยด้วย แม้จะพ่ายไปแบบหมดรูปก็ตาม แต่การเคยชิมลางงานการเมือง ถึงขั้นลุยสนามเลือกตั้ง น่าจะทำให้เข้าใจงานการเมือง และหัวจิตหัวใจของประชาชน โดยเฉพาะคนรากหญ้าได้มาก
3. ประวัติการทำงานและเส้นทางราชการ เป็นอดีตนายทหารรบพิเศษ และอยู่สายนี้มาตลอด มีการทำงานในแนว “พลังเงียบ เฉียบขาด” การวางตัวในตำแหน่ง รมว.กลาโหม ในเวลานี้ จึงน่าจะเหมาะกับสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับกัมพูชา และสถานการณ์มีแนวโน้มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นอาจมีการใช้อาวุธกัน
4. พล.อ.สุนัย รุ่น 21 จึงมีความใกล้ชิด และอายุไม่ห่างกับ ผบ.เหล่าทัพปัจจุบัน ซึ่งยังมีรุ่น 24 อีกหลายคนมากกว่า โดยเฉพาะ ผบ.ทสส. หรือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี
นี่คือเหตุผลหลักๆ ที่เราพอรวบรวมได้ และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ พล.อ.สุนัย ผงาดขึ้นเป็น รมว.กลาโหม จากกองทัพ คนแรกของรัฐบาลเพื่อไทยรอบนี้
อย่างไรก็ดีนาทีนี้โผ ครม. ยังไม่นิ่ง ล่าสุดมีชื่อ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีต ผบ.ทสส. ตท.21 รุ่นเดียวกับ พลเอก สุนัย มาสอดแทรกด้วย
พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์
ทั้งนี้ พบว่า พล.อ.เฉลิมพล ยังติดเงื่อนไขพ้นจาก สว.ไม่ถึง 2 ปี โดยพ้นจาก สว.เมื่อปี 2566
ภาพจาก wikipedia และ กระทรวงกลาโหม