17 มิถุนายน 2568 นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต ส.ส.มหาสารคาม และอดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้เข้ายื่นเอกสาร ถอดถอน นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อ ประธาน ป.ป.ช. โดยมีรายละเอียด ระบุว่า
เรื่อง ขอให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกจากตำแหน่ง
เรียน ประธานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)
สิ่งที่ส่งมาด้วย ภาพถ่ายระวางแผนที่ ต.ขนงพระ
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ข้าพเจ้า นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท ขอเรียนว่า ข้าพเจ้าขอเสนอเรื่องให้ ปปช.ดำเนินการถอดถอน นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากข้าพเจ้ามีเหตุอันเชื่อได้ว่าบุคคลดังกล่าวได้กระทำการดังนี้
1. กระทำการอันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
2. ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
3. ใช้อำนาจโดยมิชอบ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
4. ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
5. กระทำการที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญหรืออื่นๆ
นายอนุทิน ชาญวีรกุล ได้กระทำผิดเพื่อประโยชน์แห่งตนและพวกพ้อง คือนายอนุทินได้มีหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลไปดำเนินการ ขออนุญาตในเรื่องรันเวย์ส่วนตัวในเขตพื้นที่ อบต.ขนงพระ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณะ
โครงการสนามบินขนงพระ ตั้งอยู่คาบเกี่ยวระหว่างเขตนิคมสร้างตนเองที่ปรับปรุงในปี พ.ศ. 2538 เขตนิคมตามประกาศของคณะปฏิวัติเมื่อปี พ.ศ. 2515 และเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2534 และบริเวณสนามบินได้มีการออกโฉนดที่ดินแล้วจำนวน 3 แปลง ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการออกโฉนดจากหลักฐานที่ดิน น.ค.3 ซึ่งยังมีประเด็นที่ยังไม่เป็นที่ยุติว่า การออก น.ค.3 บริเวณสนามบินขนงพระ เป็นการออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากขอบเขตนิคมฯ ยังไม่ชัดเจน และเป็นผลทำให้การนำหลักฐานดังกล่าวไปออกเป็นโฉนดที่ดิน อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กรณีบริเวณสนามบิน พบว่ามีการสร้างรันเวย์ ทับทางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายการบุก รุกที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายที่ดิน และกฎหมายเกี่ยวกับป้าไม้
1. ข้อเท็จจริง
1.1 พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน และอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2534 (พื้นที่ขอบเขตสีส้มทแยง)
1.2 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 351 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ให้จัดตั้งนิคมสร้างตนเองในท้องที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (พื้นที่ขอบเขตสีนํ้าเงิน)
1.3 คณะกรรมการระดับจังหวัดได้มีการปรับปรุงแนวเขตนิคมสร้างตนเองใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2538 (พื้นที่ขอบเขตสีแดง)
1.4 ทำให้เกิดปัญหาแนวเขตไม่ตรงกัน พบว่าแนวเขตนิคมฯ ที่มีการปรับปรุงใหม่เมื่อปี พ.ศ.2538 มีการขยายขอบเขตออกมา เกินจากเขตนิคมตามประกาศของคณะปฏิวัติเมื่อ ปี พ.ศ. 2515 โดยเฉพาะบริเวณ 3 พื้นที่ พบว่ามีความคลาดเคลื่อนสูงมาก (บวม)
1.5 โครงการสนามบินขนงพระ ตั้งอยู่คาบเกี่ยวในเขตปฏิรูปที่ดิน เขตนิคมฯเดิม และเขตนิคมฯ ที่มีการปรับปรุง เมื่อ ปี พ.ศ. 2538 และได้มีการออกเป็นโฉนดที่ดินจำนวน 3 แปลง (พื้นที่สีขาว) ได้แก่โฉนดที่ดินเลขที่ 41432 โฉนดเลขที่ 35451และโฉนดเลขที่ 35572 โดยมีบริษัท เจริญคีรี จำกัด เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
1.6 จากระวางรูปแปลงโฉนดที่ดินบริเวณสนามบินขนงพระ พบว่ามีทางสาธารณะพาดผ่าบริเวณรันเวย์สนามบิน
2. ข้อกฎหมาย
2.1 น.ค.3 เป็นเอกสารที่ออกสืบเนื่องจาก น.ค.1 ซึ่งเป็นหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตนิคมสร้างตนเอง โดยกรมประชาสงเคราะห์ (ปัจจุบันกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ) จะเป็นผู้ออกให้กับบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกนิคมตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ต่อมาเมื่อสมาชิกของนิคมได้เข้าทำประโยชนในที่ดินที่ได้รับอนุญาตเกินกว่า 5 ปี ได้ชำระเงินช่วยทุนที่รัฐบาลได้ลงไปแล้ว และชำระหนี้สินเกี่ยวกับกิจการนิคมให้ทางราชการ แล้วก็จะได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (น.ค.3) เป็นหลักฐาน สมาชิกนิคมสร้างตนเองที่ได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (น.ค.3) มาตรา 11 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 บัญญัติให้สามารถนำหลักฐานดังกล่าวขอโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินได้
2.2 ถ้าเป็นการขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย ตามมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จะต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด สำนักงกงานที่ดินจังหวัดสาขา หรือสำนักงานที่ดินส่วนแยก ที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่ในเขตอำนาจ ถ้าเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (1) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปดำเนินการเดินสำรวจรังวัดออกโฉนดที่ดินในเขตนิคมสร้างตนเอง และได้เข้าไปทำการสำรวจรังวัดถึงที่ดินของผู้ใด หากผู้นั้นมีหลักฐาน น.ค.3 ก็สามารถนำ น.ค.3 เป็นหลักฐานในการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินได้โฉนดที่ดินที่ได้อออกจากหลักฐาน น.ค.3 จะถูกกำหนดห้ามโอน 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดิน เว้นแต่ตกทอดทางมรดก และในกำหนดเวลาห้ามโอนนี้ที่ดินไม่อยู่ในข่ายแห่งการบังคับคดี ทั้งนี้ ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ทั้งนี้ การออกโฉนดที่ดินในเขตนิคมสร้างตนเอง ผู้ปกครองนิคมต้องร่วมพิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์ด้วย
คุณอนุทิน ชาญวีรกูล มีสถานภาพเป็นนักการเมือง เป็นถึงหัวหน้าพรรค เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ตัวเองอยู่เบื้องหลังทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการฮั้ว สว. และที่ดินเขากระโดง ตั้งแต่สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในการจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ที่อื้อฉาว สนามบินลับสนามบินหนึ่ง สร้างขึ้นกลางถนนหลวงที่ปากช่อง เอาที่ดินของนิคมสร้างตนเองของประชาชน ขออนุญาตแล้วก็เอาตัวเองนั้นสร้างสนามบินให้กับตัวเอง เพื่อเอาเครื่องบินลงแล้วก็ทำธุรกิจทางด้านกระโดดร่ม
สนามบินแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสนามกอล์ฟที่ชื่อว่า แรนโช ชาญวีร์ ซึ่งชื่อผู้บริหารคนสำคัญในบริษัท คือ นางอนิลรัตน์ นิติสาโรจน์ เป็นน้องสาวของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ถึงมีสนามกอล์ฟชื่อว่า แรนโช ชาญวีร์ (Rancho Charnvee) “ชาญวีร์” คือตัวอักษรของนามสกุล “ชาญวีรกูล”
ถนนที่กลายเป็นรันเวย์นั้น เคยเป็นสวนสาธารณะที่ชาวบ้านใช้ร่วมกันมากว่า 30 ปี อยู่ในความดูแลของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ แต่กลับไม่มีเอกสารใดที่บ่งบอกว่าได้เปลี่ยนเป็นสนามบิน ไม่มีการเวนคืน ไม่มีการประชาพิจารณ์ ไม่มีการแจ้งชุมชน มีเพียงเครื่องบินที่บินขึ้นลงจริง
วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่จากนิคมลำตะคอง และ อบต.ขนงพระ ได้ร่วมเดินทางกับบริษัทเอกชนไป “จับพิกัดรันเวย์” ให้ Skydiving อย่างเปิดเผย มีภาพลงเฟซบุ๊ก ไม่มีความลับ ไม่มีการปฏิเสธ เป็นการร่วมมือแบบหน้าชื่นตาบาน กิจการ Sky Diving ดำเนินการโดยบริษัท สกายไดฟ์ ไทยแลนด์ จำกัด ทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท ผู้บริหารคือ เจฟฟรีย์ ชาน ชาวต่างชาติ กิจกรรมกลับทำรายได้วันละหลักล้าน
โดยใช้พื้นที่รัฐและถนนหลวง โดยกิจกรรม Tantrum Jump คิดค่าบริการ 8,000 - 50,000 บาทต่อคน เที่ยวหนึ่งมีนักท่องเที่ยว 12-15 คน บินประมาณวันละ 20 เที่ยว รวมแล้วเฉพาะค่ากระโดดวันเดียวมีรายได้หลักล้านถึงหลายล้านบาท ผ่านทางที่เคยเป็นสมบัติของประชาชน
พอเปิดเอกสารการขอใช้พื้นที่ กลับปรากฏชื่อผู้ยื่นขอคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยื่นในนามส่วนตัว และมอบหมายให้ พล.อ.ต.นิพนธ์ โพธิ์เจริญ เป็นผู้ดำเนินการแทน ซึ่งพื้นที่ที่ขอใช้ก็คือพื้นที่รันเวย์ดังกล่าวนั่นเอง
หลังวันที่ 13 พ.ค. ที่เจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือกับเอกชนจับพิกัด จู่ๆ วันที่ 4 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่นิคมคนเดิม เดินทางไปแจ้งความต่อ สภ.ปากช่อง ว่าสนามบินดังกล่าว “ยังไม่ได้รับอนุญาต” ตามมาตรา 15 ของ พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ
เมื่อเรื่องกลายเป็นข่าว ก็เลยปักป้าย “ห้ามบุกรุก” เสียใหม่ พร้อมทำเป็น “ไม่รู้เรื่องมาก่อน” ทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐไปครบทุกคนในวันที่จับพิกัด มีเอกสารแจ้งความชัดเจน ทุกอย่างอยู่ในภาพ
วันที่ 7 มิถุนายน 2568 นายโรจน์ ศรีจันทุม ตัวแทนชาวบ้าน เดินทางไปแจ้งความกลับกับผู้บริหารนิคมฯ และอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 รู้เห็นเป็นใจแต่ไม่ดำเนินการ เพราะนิ่งเฉยทั้งที่มีอำนาจ
คำถามมีหนึ่งเดียว คุณอนุทิน ชาญวีรกูล คุณรู้สึกอาย บ้างไหม บ้านชาวบ้านบางหลังอยู่ติดสนามกอล์ฟแต่ไม่มีไฟฟ้า เพราะการไฟฟ้าไม่กล้าวางสายข้าม “รันเวย์” พยาบาลดูแลผู้ป่วยติดเตียงกลับไม่ได้ เพราะเครื่องบินวนทั้งวัน หลายคนขายที่หนีเพราะอยู่ไม่ได้
จากภาพดาวเทียมชัดเจน รันเวย์เชื่อมสนามกอล์ฟ โรงแรม รีสอร์ต และจุดรับนักกระโดดร่ม พื้นที่ที่ควรเป็นสาธารณะ กลายเป็นทางเข้า VIP ของธุรกิจรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยไม่เคยผ่านการเวนคืน ไม่เคยได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง
เอกสารที่ “นายอนุทิน” มอบหมายให้ “พล.อ.ต.นิพนธ์ โพธิ์เจริญ” ไปยื่นขอใช้ถนนเป็นรันเวย์ให้ทุกท่านดูชัดๆ ชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ปรากฏอยู่ในเอกสารการยื่นขอพื้นที่สนามบิน และเขาก็คือผู้กำกับดูแล อบต.ทั่วประเทศ ในนามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ข้าพเจ้าจึงร้องเรียนมายัง ปปช. เพื่อถอดถอนบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว ทางกระทรวงมหาดไทย นิคมฯ ใต้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ(พม.) และเอกสารยื่นขอใช้สนามบินก็ลงชื่อนายอนุทิน ผู้กำกับดูแลทั้ง 2 กระทรวงบริษัทเอกชน สกายไดฟ์ ไทยแลนด์ ที่มีทุนเพียง 1 ล้านบาท กลับสามารถใช้พื้นที่สนามกอล์ฟที่น้องสาวของรัฐมนตรีดูแล ดำเนินกิจการ Sky Diving ได้ทุกวัน โดยใช้ถนนหลวงเป็นรันเวย์
พื้นที่นี้เป็นนิคมเพื่อคนจน แต่กลายเป็น “อาณาจักรคนรวย” ถนนของประชาชนวันนี้คือทางเข้าของธุรกิจรับนักท่องเที่ยวกระโดดร่มจากทั่วโลก ใครอนุญาตให้มาใช้ถนนเป็นรันเวย์ได้โดยไม่ต้องเวนคืน ไม่ต้องทำประชาคมหรือประชาพิจารณ์
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในลำตะคอง จึงไม่ใช่แค่ปัญหาเฉพาะจุด มันคือภาพจำลองของโครงสร้างใหญ่ในประเทศไทย รัฐรู้เห็นแต่ไม่ยับยั้ง รัฐมีอำนาจแต่ไม่บังคับใช้ และข้าราชการที่เกี่ยวข้องไม่กล้าเพราะเกรงกลัวอำนาจและอิทธิพลของรองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ใช้ประโยชน์โดยตรงและเราจะมีรัฐที่โปร่งใสและมีธรรมมาภิบาลได้อย่างไรและนายอนุทิน ยังเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง 69 คน แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะลุกขึ้นปกป้องผลประโยชน์ของชาติในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทย
ข้าพเจ้าในฐานะพลเมืองไทยได้ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญจึงร้องเรียนมายัง ปปช.เพื่อได้โปรดดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามความผิดของนายอนุทิน ชาญวีรกุล และได้โปรดถอดถอนบุคคลดังกล่าวออกจากตำแหน่งเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท
นอกจากนี้ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน “กุสุมาลวตี” ลุยต่อ ! ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ถอดถอน “อนุทิน” ชี้ ไม่มีความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งใดๆในรัฐบาลนี้
นางกุสุมาลวตี ได้เข้ายื่นเอกสาร ถอดถอน นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อ นายกรัฐมนตรี ผ่าน นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง โดย มองว่า นายอนุทินไม่มีความเหมาะสม และไม่มีความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งใดๆในรัฐบาล
พร้อมกันนี้ ยังได้แนบเอกสารคำร้อง ที่ได้ยื่นต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ขอให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกจากตำแหน่ง ด้วยข้อกล่าวหาหลายข้อ อาทิ ครอบครองที่กิน เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ , การอนุมัติสร้าง รันเวย์ จ. นครราชสีมา และฮั้ว สว. รวมถึงการ จัดซื้อยาพาวิพิลาเวียร์ สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และยังมีข้อหา ทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาด้วย
โดยเนื้อหาเอกสาร ระบุว่า
เรื่อง กราบเรียนเพื่อทราบ ข้อเท็จจริง
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
สิ่งที่ส่งมาด้วย หนังสือคำร้องถอดถอน นายอนุทิน ชาญวีรกุล ต่อ ประธาน ปปช. ด้วยมีบุคคลได้มีความประพฤติที่ไม่มีความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล จากการขาดจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ในสังคมและขาดความเชื่อถือต่อบุคคลนี้ในประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. กรณี เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวนที่ดิน 5 พันกว่าไร่ ศาลฎีกาได้ตัดสินเป็นที่เรียบร้อย แต่บุคคลดังกล่าวกลับพยายามหาช่องว่างทางกฎหมายตั้งคณะกรรมการซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงของกรมที่ดินมาพิจารณาเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับ นายเนวิน ชิดชอบ และครอบครัว
2. กรณีรันเวย์เถื่อนในบริเวณจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งดิฉันได้ร้องเรียนถอดถอน นายอนุทิน ชาญวีกุล ไปยัง ปปช. ตามเอกสารที่ส่งมาด้วย เป็นการกระทำที่ผิดต่อจริยธรรมและเป็นการไม่ซื่อสัตย์สุจริตในตำแหน่งหน้าที่
3. มีการรู้เห็นเป็นใจในการสั่งการฮั้ว สว.ตามพยานหลักฐานที่ทางดีเอสไอ อัยการและกกต.ได้ชี้มูลความผิด จนได้มีหมายเรียกและจะได้ส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งในที่สุด
4. การจัดซื้อยาพาวิในกระทรวงสาธารณสุข มีการทุจริต การก่อสร้างรัฐสภาก็มีการทุจริตจนการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานและมีความผิดมากมายปรากฎใน ปปช. และบุคคลนี้พยายามให้มีองค์กรอิสระเพื่อไม่ให้มีการชี้มูลและยกคำร้องให้ตัวเอง ขัดกับหลักธรรมาภิบาล หากรัฐบาลมีการตั้งบุคคลดังกล่าวให้มีตำแหน่งใดๆ ก็จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียกับรัฐบาล และจะมีการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อตนเองและพวกพ้อง หาได้ทำเพื่อประชาชนไม่ ภาพพจน์ของรัฐบาลก็มีแต่ความเสื่อมเสีย
จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาไม่ให้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล เข้าร่วมรัฐบาล หรือไม่ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและแผ่นดิน สมดังเจตนารมณ์ของการเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ประวัติ กุสุมาลวตี ศิริโกมุท ผู้เปิดหน้าชน พรรคภูมิใจไทย