svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ปิดด่านชายแดน "ไทย - กัมพูชา" ใครได้เปรียบ - เสียเปรียบ ?

ปิดด่าน จุดผ่านแดน "ไทย - กัมพูชา" ใครได้เปรียบ - เสียเปรียบ ? เปรียบเทียบระหว่างการค้าขาย การส่งออก การท่องเที่ยว และสินค้าอุปโภคบริโภค

เริ่มนับ 1 สำหรับมาตรการตอบโต้จากเบาไปหาหนัก กรณีมีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของทหารกัมพูชา บริเวณแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา โดยเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ได้ลงนามในคำสั่งกองทัพบก ที่ 806/2568 เรื่อง ควบคุมการเปิด – ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา โดยให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 1 โดยผู้บัญชาการกองกําลังบูรพา และกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการกองกําลังสุรนารี ที่มีแนวเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา พิจารณากำหนดเงื่อนไขตามความเหมาะสม

 

ตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา หลายจุดมีคำสั่งกระชับเวลา กระชับพื้นที่ ในการเข้าออกด่าน แม้ว่าจะยังไม่มีการปิดด่าน

 

ปิดด่านชายแดน "ไทย - กัมพูชา" ใครได้เปรียบ - เสียเปรียบ ?

 

ปิดด่านชายแดนไทย – กัมพูชา ใครได้ ใครเสีย ?

 

แน่นอนว่าการปิดจุดผ่านแดนกระทบต่อการค้าขายและการท่องเที่ยว ตามแนวชายแดนอย่างแน่นอน ปัจจุบัน ไทย - กัมพูชา มีจุดผ่านแดนทางบก 16 จุด ในจำนวนนี้มี 7 จุด ที่เป็น “จุดผ่านแดนถาวร” ซึ่งเป็นช่องทางเข้า – ออก ที่เปิดอย่างเป็นทางการสำหรับประชาชนและสินค้า มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้าขาย การท่องเที่ยว และการเดินทาง มีระบบตรวจคนเข้าเมืองของทั้ง 2 ประเทศบริเวณจุดผ่านแดน

โดยจุดผ่านแดนถาวร 7 จุด ประกอบด้วย

 

  1. จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก - ปอยเปต หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “ด่านอรัญประเทศ”
  2. จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด-ช่องพรม หรือ “ด่านจันทบุรี - ไพลิน”
  3. จุดผ่านแถนถาวรบ้านแหลม - กร็อมเรียง หรือ “ด่านจันทบุรี - พระตะบอง”
  4. จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก- จามเยียม หรือ “ด่านตราด - เกาะกง”
  5. จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน  บ้านพนมได หรือ ด่านสระแก้ว - พระตะบอง” 
  6. จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ - ช่องจวบ พื้นที่ จ.ศรีสะเกษ กับ จังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา
  7. จุดผ่านแถนถาวรช่องจอม - โอร์เสม็ด พื้นที่ จ.สุรินทร์ กับ จังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา

ปิดด่านชายแดน "ไทย - กัมพูชา" ใครได้เปรียบ - เสียเปรียบ ?

ข้อมูลจากกรมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า การค้าชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อสิ้นปี 2564 มีมูลค่าการค้ารวม 169,104 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออก 143,115 ล้านบาท นำเข้า 25,989 ล้านบาท ไทยได้ดุลการค้า 117,126 ล้านบาท

 

โดยด่านการค้าที่มีมูลค่าการค้ารวมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

 

  1. ด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 61.05 ของการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา
  2. ด่านศุลกากรคลองใหญ่ จ.ตราด คิดเป็นสัดส่วน 18.46 %
  3. ด่านศุลกากรจันทบุรี คิดเป็นสัดส่วน 12.74 %
  4. ด่านศุลกากรช่องจอม คิดเป็นสัดส่วน 6.45 %
  5. ด่านศุลกากรช่องสะงำ คิดเป็นสัดส่วน 1.30 %

 

ถ้าปิดด่านตลอดแนวชายแดนรายได้ประมาณ 143,115 ล้านบาทจะหายไปอย่างแน่นอน หรือหากปิดบางจุดผ่านแดน รายได้ก็จะหายไปตามสัดส่วนสินค้าส่งออก

 

ปิดด่านชายแดน "ไทย - กัมพูชา" ใครได้เปรียบ - เสียเปรียบ ?

 

อย่างไรก็ดีอย่าลืมว่า สินค้าที่ประเทศกัมพูชา นำเข้าจากประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม ,ข้าวสาลี , ผักผลไม้ , อาหารแปรรูป , ยา , น้ำมันสำเร็จรูป , น้ำตาลทราย , เครื่องดื่ม , เครื่องใช้ไฟฟ้า , สินค้าความงาม , เสื้อผ้า , เครื่องจักร , ยานพาหนะ , ปูนซีเมนต์, เครื่องยนต์สันดาปภายใน , รถยนต์, อุปกรณ์และส่วนประกอบ , เคมีภัณฑ์ , อัญมณีและเครื่องประดับ , เหล็ก ฯลฯ

 

นั่นเท่ากับว่า กัมพูชา จะขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคเหล่านี้ โดยเฉพาะบ้านเรือนตามแนวชายแดน

 

ที่สำคัญ การห้ามไม่ให้คนไทยเดินทางไปเล่นกาสิโนฝั่งประเทศกัมพูชา จะทำให้เสียรายได้อีกเป็นจำนวนมาก

 

เท่ากับว่า นอกจากรายได้จากการค้าขายที่หายไปแล้ว ที่เหลือคือความได้เปรียบของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลและกองทัพต้องประเมินและชั่งน้ำหนัก เพื่อรักษาอธิปไตย!!