
6 มิถุนายน 2568 ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ นี้มีการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ มี พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ร่วมกันปฏิบัติภารกิจ ในการสนับสนุนรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะการรักษาอธิปไตย บริเวณแนวชายแดนในทุกสถานการณ์ พร้อมย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ โดยทุกเหล่าทัพได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมสนับสนุนกองทัพบกในทุกมิติ
ทั้งนี้ กองทัพบก ได้รายงานต่อที่ประชุมอย่างละเอียด ถึงเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเหตุ โดยยืนยันว่า การปฏิบัติของทหารไทยเป็นไปตามกฎหมาย และกฎการใช้กำลังอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการลุกลาม โดยอิงตามแนวเส้นปฏิบัติการที่ประเทศไทยถือปฏิบัติต่อเนื่องมาโดยตลอด
กองทัพบก ยังบอกด้วยว่า เหตุปะทะที่เกิดขึ้นระหว่างทหารไทย ทำการลาดตระเวนในพื้นที่ประเทศไทย และถูกทหารกัมพูชาเปิดฉากการยิง จึงได้ทำการยิงตอบโต้ ซึ่งฝ่ายไทยได้ชี้แจงผ่านช่องทางทางการโดยครบถ้วน อย่างไรก็ตาม แม้ฝ่ายไทยจะประสานงานผ่านกลไกการเจรจาที่ทั้ง 2 ประเทศ เคยตกลงกันไว้ แต่กลับไม่ส่งผลเท่าที่ควร อีกทั้งยังตรวจพบการเพิ่มเติมกำลังของทหารฝ่ายกัมพูชา ซึ่งถือเป็นภัยคุมคามต่อความมั่นคงของชาติ
ผู้บัญชาการทหารบก จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยยกระดับความพร้อมของกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และแผนเผชิญเหตุเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หากจำเป็นต้องดำเนินมาตรการทางทหาร เพื่อตอบโต้การรุกล้ำอธิปไตย และปกป้องคุ้มครองประชาชน
นอกจากนี้ ที่ประชุม ผบ.เหล่าทัพ ยังได้รับทราบการเตรียมการสนับสนุนจากทุกเหล่าทัพ เพื่อปกป้องประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการดำเนินการด้านการข่าวร่วม ด้านยุทธการร่วม ด้านส่งกำลังบำรุงร่วม และสนับสนุนข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการอื่นๆ ของรัฐบาล อาทิ กรมแผนที่ทหาร สนับข้อมูลด้านข่าวกรองภูมิสารสนเทศ (GEOINT) ให้กับ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) Joint Boundary Committee (JBC) , กรมข่าวทหารทุกเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการ เตรียมชี้แจงผู้ช่วยทูตทหารต่างชาติในประเทศไทย รวมถึงผู้ช่วยทูตทหารไทยในต่างประเทศ ให้รับทราบข้อเท็จจริงและแนวทางการดำเนินการของรัฐบาลและกองทัพไทย ในการคลี่คลายสถานการณ์
ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ยืนยันจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเด็ดขาด โดยสั่งการให้ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยตำรวจในพื้นที่ชายแดน เตรียมความพร้อมเต็มรูปแบบ ทั้งด้านกำลังพล อาวุธ และยุทโธปกรณ์ รวมถึงจัดทำแผนเผชิญเหตุ เพิ่มมาตรการสืบสวนหาข่าวเชิงลึก และเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างเข้มข้น
โดยเฉพาะการเผยแพร่ข่าวปลอม พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองบุคคลต่างด้าว ตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคง และบูรณาการการทำงานร่วมกับกองทัพอย่างใกล้ชิด ทั้งในพื้นที่แนวหน้าและแนวหลัง
ในช่วงท้ายของการประชุม กองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันอย่างชัดเจน ในการสนับสนุนภารกิจของกองทัพบกอย่างเต็มขีดความสามารถ ทั้งในด้านการวางแผน การปฏิบัติการ และการประสานงานกับทุกภาคส่วน เพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย และเกียรติภูมิของชาติไทย พร้อมทั้งเน้นย้ำความสำคัญของการดำเนินงานภายใต้หลักสากล การรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพของภูมิภาค
กองทัพไทย ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ และรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน พร้อมทั้งขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว ในการใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร และร่วมเป็นพลังสำคัญในการธำรงความมั่นคง สันติสุข และความสามัคคีของชาติไทยอย่างยั่งยืน
สำหรับการประชุมวันนี้ มีเนื้อหาชั้นความลับ ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพ และนำเครื่องมือสื่อสารเข้าห้องประชุม