
นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี ได้เสนอต่อประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อเนื่องในวันสุดท้ายวาระแรก ซึ่งได้ระบุก่อนการอภิปรายถึง สส.เป็นที่เป็นห่วงชื่อเสียงชาติตระกูลของตนเองในการอภิปรายของตน โดยยืนยันว่า ได้คุยกันแล้ว และจะอภิปรายด้วยความภาคภูมิใจ และสบายใจ เนื่องจาก หลังการอภิปรายในคราวที่แล้ว นายอนุทิน ได้มาพูดคุยกับตนด้วยใจที่เมตตา และเปิดกว้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ก็ยังไม่เข้าใจนักการเมือง Gen-Y อย่างตน แต่ก็เข้าใจผลกระทบทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น และได้ขับเคลื่อนองคาพยพให้ตระหนักรับมือกับความไม่แน่นอนว่า ในปีนี้ฝนจะมาเร็ว และขอให้เฝ้าระวังน้ำทุกรูปแบบอย่างใกล้ชิด พร้อมยืนยันว่า นายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย กำลังดำเนินการทุกอย่างภายใต้หน้าที่ที่รับผิดชอบของพรรคฯ ด้วยสติปัญญาสุดความสามารถ เพื่อประชาชน แม้จะเกิดภัย หรือประชาชนจะเสียหาย แต่พรรคฯ จะอยู่เคียงข้างประชาชนต่อไป
นายไชยชนก ยังมั่นใจว่า สภาวะเศรษฐกิจหลังจากนี้จะวิกฤตแน่นอน และแก้ไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล แต่ทั่วโลกจะเผชิญพร้อม ๆ กัน และสามารถแก้ได้ด้วยการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
นายไชยชนก ยังกล่าวถึงภัยความมั่นคงจากภูมิรัฐศาสตร์โลก และประเทศเพื่อนบ้านของไทยว่า ประเทศไทย มีแรร์เอิร์ธ มูลค่ากว่า 40,000 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นแร่โพแทส และจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสงคราม เนื่องจาก ใช้ในประโยชน์ยุทโธปกรณ์ และเป็นแร่ที่ถูกขุดอยู่ในเมียนมาที่ไทยได้รับผลกระทบทางอ้อม และเป็นแร่ที่ทำให้สหรัฐอเมริกา ยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามรัสเซีย และยูเครน ดังนั้น ประเทศไทยจะประมาทไม่ได้ และไม่ใช่เวลาที่ประเทศไทย จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดี แต่จะต้องเป็นเพื่อนบ้านที่จริงใจ มีสติ และหากรัฐบาลจะเจรจาระหว่างจีน และสหรัฐฯ แร่นี้จะเป็นคำตอบ แต่ก็จะต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นการเลือกข้าง
นายไชยชนก ยังให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ในฐานะนักการเมือง Gen-Y เพราะตนเองก็เป็นคนที่สังคม ครอบครัว เข้าใจผิดในหลาย ๆ เรื่อง และสังคมหลาย ๆ ส่วนผูกตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และครอบครัว ไปกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่เหรียญมี 2 ด้านเสมอ และนายกรัฐมนตรี เป็นคนเลือกทางเดินเองเสมอ ซึ่งสิ่งที่ตนเห็น ไม่ใช่แบบที่สังคมเห็น และสิ่งที่ตนเห็น ไม่ใช่หายนะ แต่เป็นโชคชะตา เหมือนสมัยสึนามิสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้งบกลางเพิ่มขึ้น จนมาถึงสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีงบกลางมากขึ้น สำหรับการเยียวยาประชาชน และสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นประวัติศาสตร์ที่กำลังถูกขีดเขียน เป็นเรื่องราวของวีรสตรีไทย อยู่ที่ว่า นายกรัฐมนตรี จะเลือกทางไหน แต่ไม่ว่า จะเลือกทางใด พรรคภูมิใจไทย จะกำลังทำทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้อำนาจหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และจะทำต่อไป พร้อมฝากคำถามเดียวไปยังทุก ๆ คนว่า “วันนี้พวกเราทำแล้ว พวกท่านทำแล้วรึยัง”