ทหารหน่วยใหญ่ น้ำมันระเหยหมื่นลิตร เปิดเอกสารสั่งซื้อผิดปกติ

ความไม่ชอบมาพากลในกองทัพ เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวที่กลายเป็นกระแสครึกโครม ผู้บังคับบัญชาส่งทหารเกณฑ์ไปขับแกร็บ เพื่อแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้นาย

 

23 พฤษภาคม 2568 มีรายงานว่าทหารหน่วยหนึ่ง ตั้งอยู่กลางกรุงเทพฯ มีหน้าที่จัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับหน่วยงานอื่นๆ ในกองทัพ โดยเฉพาะอาหาร เครื่องแต่งกาย และน้ำมันเชื้อเพลิง

 

 

โดยสิ่งผิดปกติที่เป็นไฮไลท์อยู่ที่จู่ๆน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จู่ๆก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หลายหมื่นลิตร โดยทหารหน่วยนี้เป็นหน่วยจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง จึงมีถังเก็บน้ำมันขนาด 20,000 ลิตร หลายถัง

นอกจากจะมีถังเก็บน้ำมันแล้ว ยังมีปั๊มน้ำมันขนาดเล็ก สำหรับขนถ่ายน้ำมัน และเติมน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะของหน่วย และส่งไปให้หน่วยอื่นๆ ด้วย

 

โดยเรื่องมาแดงขึ้น เมื่อ “ผู้พัน” ชื่อย่อ “ท.ทหาร” เรียกว่า “ผู้พัน ท”  เคยดำรงตำแหน่ง ผอ.กองน้ำมันเชื้อเพลิง ไปลงนามในหนังสือจัดซื้อน้ำมัน 9,000 ลิตร โดยเป็นการซื้อจากเอกชนรายใหญ่ ภายนอกหน่วย

 

 

จากการตรวจสอบพบว่า เอกสารการสั่งซื้อ ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ระบุเรื่อง การขอสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง โดยกองวิทยาการของหน่วยงานทหารแห่งหนึ่ง อ้างว่า จะมีการจัดประชุมสัมมนานอกพื้นที่ และต้องการรับการสนับสนุนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จำนวน 3,000 ลิตร และแก๊สโซฮอล์ 91 อีก 6,000 ลิตร โดยขอให้ส่งมอบถึง กองน้ำมันเชื้อเพลิง ภายในวันถัดไป คือ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566

 

จากเอกสารฉบับนี้ คนวงในจะรู้ทันทีว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น ในหลายส่วน

 

1. ทำไมคนที่ลงนามจัดซื้อ เป็น ผอ.กองอื่น ที่ไม่ใช่กองน้ำมันเชื้อเพลิง
2. ทำไมถึงต้องซื้อแบบเร่งด่วน สั่งวันนี้ส่งพรุ่งนี้ ในปริมาณร่วมหมื่นลิตร หากจะใช้ในการเดินทางจัดประชุมสัมมนานอกสถานที่ ย่อมมีแผนงานอยู่ก่อนแล้ว และหน่วยทหารหน่วยนี้ เป็นหน่วยจัดหาน้ำมัน ย่อมต้องมีน้ำมันเชื้อเพลิงในคลังเพียงพอสำหรับการใช้ทุกภารกิจ
3. ผู้พัน ท. ที่ลงนามซื้อน้ำมัน ขณะที่ซื้อไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ผอ.กองน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว เพราะเพิ่งย้ายไปเป็น ผอ.กองวิทยาการ ซึ่งตำแหน่ง ผอ.กองวิทยาการ ถือว่าสูงกว่ากองน้ำมันเชื้อเพลิง และยศก็สูงกว่า
4. เป็นการสั่งซื้อน้ำมัน โดยที่ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วย คือ ระดับเจ้ากรม ไม่ได้ลงนามรับทราบ ทั้งที่ตามระเบียบ การจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้บังคับหน่วยต้องรับทราบและอนุมัติ

 

แหล่งข่าวในหน่วยทหารหน่วยนี้ เปิดเผยว่า ช่วงก่อนเดือนกันยายน 2566 มีการจ่ายน้ำมันออกไปอย่างผิดปกติหลายหมื่นลิตร โดยไม่มีการเบิกจ่ายเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด

 

 

ต่อมาเรื่องมาแดงขึ้น เพราะมีการประชุมภายในของหน่วย เพื่อส่งมอบหน้าที่ เนื่องจาก “ผู้พัน ท.” ได้รับการโปรโมต เลื่อนขั้น ย้ายจาก ผอ.กองน้ำมันเชื้อเพลิง ไปเป็น ผอ.กองวิทยาการ  แล้ว ผอ.กองน้ำมันเชื้อเพลิงคนใหม่ ที่มารับหน้าที่แทน มีการสอบถามถึงปริมาณน้ำมันที่หายไปหลายหมื่นลิตร ปรากฏว่า “ผู้พัน ท.” ชี้แจงทำนองว่า “น้ำมันระเหย ไม่ได้หาย”

 

เรื่องนี้แม้มีความไม่ชอบมาพากล แต่กลับไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนใดๆ ทั้งๆที่ “เจ้ากรม” ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยก็ทราบเรื่องอยู่

 

ต่อมาเดือนพฤศจิกายน จึงมีคำสั่งซื้อน้ำมันปริศนา 9,000 ลิตร จนเกิดข้อกังขาจากคนในหน่วยว่า เป็นการซื้อน้ำมันมาเติมในคลัง เพื่อทดแทนน้ำมันที่หายไปหรือไม่

 

 

น้ำมันระเหย หรือ น้ำมันหาย (เข้ากระเป๋าใคร)?

 

1. จริงหรือไม่ที่น้ำมันเชื้อเพลิงระเหยไปในอากาศเป็นหมื่นๆ ลิตร
2. น้ำมันหาย หรือ น้ำมันระเหยกันแน่ ถ้าหาย หายไปเข้ากระเป๋าใครหรือไม่
3. เหตุใด “ผู้พัน ท.” จึงได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และเลื่อนชั้นยศ ที่ผ่านมาเขาทำงานให้ใครหรือไม่
4. เหตุใด “ผู้พัน ท.” จึงต้องสั่งซื้อน้ำมันล็อตใหญ่ โดยลงนามในตำแหน่งใหม่ เพื่อนำน้ำมันเชื้อเพลิงมาทดแทนน้ำมันที่หายไปบางส่วนหรือไม่
5. การสั่งซื้อน้ำมัน เป็นอำนาจสูงสุดของผู้บังคับหน่วย (เจ้ากรม) ผู้บังคับบัญชาปฏิเสธความรับผิดชอบได้หรือไม่

 

 

“ข่าวข้นคนข่าว” เนชั่นทีวี สอบถามไปยังนักวิชาการ และผู้รู้ในแวดวงบริษัทน้ำมัน  ยืนยันว่า น้ำมันระเหยเป็นหมื่นๆ ลิตร ไม่มีความเป็นไปได้ แม้น้ำมันซึ่งเป็นของเหลวจะระเหยได้จริง แต่หากเก็บในแกลลอน หรือถังกักเก็บขนาดใหญ่ซึ่งมีระบบ “ซีล” ป้องกันการระเหยหรือรั่วไหล ก็จะไม่มีการระเหย

 

ปัญหาน้ำมันระเหย โดยมาเป็นพวกแก๊สโซฮอล์ แต่มักระเหยช่วงของการเติมน้ำมัน หรือเติมใส่รถแล้วจอดตากแดดไว้นานๆ ส่วนน้ำมันที่กักเก็บในคลัง ไม่มีการระเหยคราวละมากๆแน่นอน มิฉะนั้นบริษัทน้ำมันคงเจ๊งกันทั้งโลก