22 พฤษภาคม 2568 ศาลปกครองสูงสุด ได้พิพากษา ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 10,028 ล้าน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ จากเดิมที่ ก.คลัง มีคำสั่งให้ชดใช้เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เคยยื่นต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในโอกาสพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ครบหนึ่งปี เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2558 พบว่า
ส่วนทรัพย์สินที่มีมูลค่ารองลงมา คือ ที่ดิน 14 แปลง มูลค่ารวมกันประมาณ 117 ล้านบาท ถัดมาเป็นเงินลงทุน 115 ล้านบาท และเงินให้กู้ยืม 108 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในบัญชีทรัพย์สินของ "ยิ่งลักษณ์" ยังรวมเงิน 1.5 ล้านบาท ของบุตรชาย "ศุภเสกข์ อมรฉัตร" เอาไว้ด้วย
ขณะที่ "รายได้" หลังจากพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์" ระบุว่า มีรายได้ 9.5 ล้านบาทต่อปี โดยส่วนใหญ่มาจากเงินปันผลในบริษัทต่าง ๆ ที่ถือหุ้นอยู่ อาทิ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รวมกับกองทุนต่างๆ อีกนับสิบ รวมเป็นเงิน 4 ล้านบาท เงินจากดอกเบี้ยอีก 2.3 ล้านบาท เงินจากค่าเช่ากว่า 8 แสนบาท และจากแหล่งอื่น ๆ โดยเป็นเงินทุนเลี้ยงชีพในฐานะอดีต สส. 3 แสนบาท