
13 พฤษภาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงตอบโต้นางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ พรรคประชาชน เขต 6 จังหวัดชลบุรี ทำหนังสือ ขอยุติบทบาทภายในพรรคและขอให้พรรคประชาชนขับออก
โดย นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ได้รับฟังเหตุผล ที่นส.กฤษฎิ์ แถลงต่อข้อกล่าวหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับการผลักดันนโยบายจึงต้องการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ และอ้างว่าไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรคในการทำกิจกรรมนั้น ยืนยันว่าพรรคได้สนับสนุนการทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด ฝ่ายนโยบายพรรคเคยอนุมัติงบในส่วนกลางเพื่อให้ไปทำกิจกรรมรับฟังความเห็นต่อการพัฒนานโยบายของพื้นที่ศรีราชาตามที่ได้ร้องขอเข้ามา ซึ่งสส. คนอื่นก็ทำงานได้อย่างราบรื่นและได้รับการสนับสนุน และที่บอกว่าการทำงานในคณะกรรมการธิการคมนาคม ไม่ได้รับการสนับสนุนนั้นนับตั้งแต่เริ่มเปิดสภา
เราจะให้สส.ทุกคนได้เสนอมาว่าอยากได้ทำงานในกรรมาธิการฯในคณะใด แต่เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้รับการเป็นกรรมาธิการในอันดับหนึ่งที่เลือก แต่นส.กฤษฎิ์ก็ได้ตามที่ต้องการและยังได้เป็นรองประธาน อนุกรรมาธิการ ฯ เรื่องงานก่อสร้างท่าเรือ และยังมีมติให้ศึกษาดูงานเพื่อรับฟังปัญหาทางต่าง ๆ จากประชาชนที่อยู่ในเขตท่าเรือแหลมฉบัง
ส่วนเรื่องการไม่ได้รับความเคารพเรื่องสภานะทางเพศนั้น นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า ตรงนี้เป็นค่านิยมแรกที่เราให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ในการโอบรับความหลากหลายทางเพศ และเคารพความเชื่อทุกรูปแบบ ขอยืนยันว่าไม่มีการเหยียดสถานะทางเพศของสส.คนใด หรือแม้แต่ประชาชนคนใดอย่างแน่นอน และถ้าหากมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เราจะถือว่าเป็นการผิดวินัยของพรรี เพราะถือว่าไม่เคารพต่ออุดมการณ์หลัก คุณค่าที่พรรคยึดถือ และพรรคยังเปิดโอกาสให้นส.กฤษฎิ์ทำงานด้านความหลากหลายทางเพศ มีส่วนร่วมในการผลักดันพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม และมอบหมายให้ยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังเคยสนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรมในพื้นที่ในการรวบรวมความเห็นของผู้มีความหลากหลายทางเพศในพื้นที่ศรีราชาด้วย
สำหรับเหตุการณ์ที่ นส.กฤษฎิ์ ปรึกษาหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรตามที่อ้างนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่ามีการไปคุย กับสส.กฤษฎิ์ จริงหลังการหารือ แต่ไม่ใช่เรื่องของเนื้อหา เพราะสิ่งที่เพื่อนสส.ไม่พอใจคือ เวลาปรึกษาหารือ 2 นาทีควรจะเป็นเวลาที่มาสะท้อนปัญหาของส่วนรวม สะท้อนปัญหาของประชาชนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องนั้นไปแก้ไข ไม่ใช่พูดความต้องการส่วนตัวว่าต้องการที่จะทำอะไร เพราะสภาไม่ใช่เวทีที่จะมาพูดถึงความต้องการส่วนตัวและขอยืนยันว่าสิ่งที่สส.กฤษฎิ์หารือไป ไม่ได้มีการดำเนินการทางวินัยใดๆ หลังเหตุการณ์นั้นเลย ถือว่าเป็นการพูดคุยกันเฉยๆ ว่าการหารือโดยใช้ความต้องการส่วนตัวมาพูดนั้นไม่เหมาะสมกับการทำงานในสภาเท่านั้น ไม่มีการลงโทษหรือแซงชั่นทั้งสิ้น และยังขอให้เหตุการณ์นี้ผ่านไป และขอให้ทุกคนมาร่วมงานกันในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์เหมือนเดิม
ส่วนที่ระบุว่าพรรคประชาชนเตรียมส่งคนลงสส.แทนนั้นก็ยืนยันว่าพรรคไม่มีนโยบายหาคนมาลงสมัครแทน การส่งใครสมัครสส.หรือไม่ พรรคมีกระบวนการและมีกรอบที่ชัดเจนและสื่อสารกับกับสส.ทุกคน ดังนั้นกระบวนการเหล่านี้ ในการหาผู้สมัครสส มาแทนสส. คนใดในปัจจุบันนั้นยังไม่มี
ด้านนายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่าเมื่อคืนมีการประชุมสส.และกรรมการบริหารพรรค ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาพรรคไม่ได้มีกระบวนการใดๆ ที่ใช้อำนาจในพรรคใด ก็ตามที่จะทำให้นส. กฤษฎิ์ อึดอัดใจหรือเป็นอุปสรรคในการทำงานตามที่ได้มีการแถลงไปเมื่อเช้า
ดังนั้นขอใช้เวทีนี้ในการสื่อสารข้อเท็จจริง และขอยืนยันว่าหตุผลที่นส.กฤษฎิ์ให้นั้นฟังไม่ขึ้น ดังนั้น จึงจะดำเนินทุกมาตรการที่ทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด เพราะต้องยอมรับว่าการที่ประชาชนมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกนส.กฤษฎิ์เพราะเป็นตัวแทนของพรรค จึงต้องขึ้นความเป็นธรรมให้กับประชาชนเขตเลือกตั้งที่ 6 โดยการที่ทำให้นส.กฤษฎิ์ ไม่ได้เจตนารมณ์ตามหนังสือที่ยื่นมากับตน และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งหมายรวมถึงนายทะเบียนสมาชิกพรรคที่ขอยุติบทบาทกับพรรค และร้องขอให้พรรคขับคงออกจากการเป็นสมาชิก ซึ่งเรื่องนี้ตนขอเชิญชวนประชาชนทุกคนคิดตามและเชื่อว่าทุกคนมีข้อสรุปตรงการว่านส.กฤษฎิ์แสดงเจตนาไม่ต้องการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนอีกต่อไป และการจะให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ต้องมีเงื่อนไขเดียวคือต้องทำผิดทางวินัยและในอดีตพรรคไม่เคยถือว่าการกระทำใดๆ ของเขาเป็นการทำความผิดที่เข้าสู่กระบวนการวินัยของพรรค
ดังนั้นการที่ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พวกเรามีความเห็นว่า ฉบับนี้ได้แสดงเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าคุณเป็นต้องการยุติ การเป็นสมาชิกของ พรรคประชาชนและเพื่อให้ความชัดเจนในข้อกฎหมายว่าต้องการยุติการเป็นสมาชิกพรรค จึงขอใช้อำนาจตามกฎหมายที่มี โดยในช่องทาง โดยยื่นไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้อำนาจตีความให้กับพรรคประชาชนว่าหนังสือฉบับนี้ถือเป็นหนังสือในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนหรือไม่
จากการแถลงข่าวของนส.กฤษฎิ์ ยังใช้ถ้อยคำ ในทำนองว่าต้องการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ดังนั้นพวกเราจะดำเนินการยื่นขอตีความไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตีความ ว่าหนังสือที่ยื่นต่อกรรมการบริหารพรรคเป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ ถ้าตีความว่าไม่ได้เป็นหนังสือลาออก ก็จะไม่มีการขับ หรือทำตามความต้องการเพื่อประโยชน์กับพรรคกล้าธรรม แต่จะตัดสิทธิ์ทุกอย่างที่พึงมึของนส.กฤษฎิ์ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งในกับมาธิการหรือการทำงานใด ๆ ในโควต้าพรรคในอนาคต ส่วนตำแหน่งกรรมาธิการฯ ที่เป็นอยู่ พรรคคงทำอะไรไม่ได้เว้นแต่เจ้าตัวจะลาออกเอง
นายณัฐพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้าจนจะลงพื้นที่พร้อม สส. ชลบุรีทุกเขต เพื่อยืนยันกับประชาชนว่าพวกเราพร้อมที่จะเดินหน้ารับใช้ประชาชนทุกเขต รวมทั้งเขต6 ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้นายสหัสวัตได้เป็นตัวแทนในการดูแลพื้นที่แทน
เมื่อถามย้ำว่าจะยื่น ให้หน่วยงานใดตีความนั้น หัวหน้าพรรคประชาชน ยืนยันว่ามีมากกว่าหนึ่งหน่วยงาน โดยขอศึกษาเรื่องข้อกฎหมายก่อน เพราะเกรงว่าอาจจะมีการดำเนินการจากฝั่งตรงข้ามหรืออาจจะทำให้เสียรูปคดีได้ แต่ตอนนี้ยืนยันว่าเราศึกษาข้อกฎหมายและพบว่ามีช่องทางในการดำเนินการเรื่องนี้ได้อยู่ ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ในทางปฏิบัติพรรคไม่ได้ถือว่าเป็นผู้แทนราษฎรของพรรคอีกต่อไป ส่วนการดำเนินการทางนิตินัย หรือทางกฎหมายก็เป็นไปตามที่ตนได้แถลงเรื่องมาตรการไป ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างนานประมาณหนึ่งเดือนขึ้นไป
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องสืบหา ต้นเหตุ ที่นส.กฤษฎิ์ตัดสินใจทำหนังสือถึงพรรคหรือไม่ นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะแถลงข่าวได้มีการพูดคุยมาแล้วระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งนายปกรณ์ก็ได้พูดคุยโดยตรงมาตลอดและพรรคก็เปิดดกว้าง รับฟัง ซึ่งเหตุผลที่ให้มาหลังจากที่ฟังคำแถลงเหตุผลแล้วก็พบว่าทุกอย่างไม่เป็นความจริง พรรคเปิดกว้างให้มามากเพียงพอแล้ว
ส่วน มองว่าอะไรเป็นแรงจูงใจให้ นส.กฤษฎิ์ ตัดสินใจยุติบทบาท กับพรรคประชาชนนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังเหตุผล นส.กฤษฎิ์อยากลาออกในตอนแรก แต่สุดท้ายตัดสินใจอยากจะให้พรรคขับออก เพราะอยากจะย้ายไปยังพรรคกล้าธรรม เรื่องนี้ตนอยากให้สาธารณชนประเมินภาพรวม ว่าตอนนี้บริบททางการเมือง มีพรรคการเมืองบางพรรคพยายามดึงดูด สส. เข้าไปในพรรคดัวเองให้มากที่สุดหรือไม่ เพื่อใช้เจรจาต่อรองเก้าอี้คณะรัฐมนตรีที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีโดยเร็วๆนี้หรือไม่
ทั้งนี้มั่นใจว่า ตามข้อมูลที่ตนทราบและพูดคุยกับภายในพรรค คิดว่าไม่มีใครหรือสส.คนใดย้ายไปอยู่ฝั่งรัฐบาลแน่นอน
เมื่อถามว่า นส.กฤษฎิ์ ระบุพรรคไม่ลงไปช่วยในพื้นที่นั้น หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า พรรคเปิดโอกาสให้ใช้กลไกและเครื่องมือทุกอย่างสนับสนุนในการทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ส่วนข้ออ้างที่ว่าเป็นฝ่ายค้านไม่สามารถดำเนินการอะไรได้แบบฝ่ายรัฐบาลนั้นเป็นเพียงข้ออ้างในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎร ต้องรู้หน้าที่ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน จึงคิดว่าเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น
เมื่อถามย้ำว่าอะไรเป็นแรงจูงใจ ให้ นส.กฤษฎิ์ ตัดสินใจนั้น นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า การที่ได้มีการพูดคุยและมีดีลเกิดขึ้นแน่นอน ไม่อย่างงั้นคงไม่มาแถลงข่าวในวันนี้ และประกาศตัวอย่างชัดเจนทั้งที่ตอนแรกแถลงข่าวอย่างว่าอยากจะลาออกจากสส แต่ตอนหลังมากลับ คำ ก็แปลว่าจริงๆ แล้วอยู่ในระหว่างกระบวนการ ก่อนหน้านี้ต้องมีการพูดคุยตกลงกันมาแล้ว เชื่อได้ว่าเป็นเช่นนั้น
เมื่อถามย้ำว่า หากทำขัดมติพรรคอีกจะทำอย่างไรนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จะพิจารณาดำเนินการทางวินัย เช่นการตัดสิทธิ์ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในการดำเนินการของพรรคทุกอย่าง แต่การขับออกคิดว่าไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม ทางเลือกที่เหมาะสมที่เป็นทางสำรองในกรณีที่ถูกตีความว่า หนังสือฉบับนี้ไม่ได้ถือว่าลาออกจากสมาชิกพรรคคือการ ล็อคทุกอย่าง
“พิจารณาดำเนินการทางวินัยแน่นอน ทั้งการตัดสิทธิ์พึงมีในฐานะสมาชิกพรรคทุกอย่าง ส่วนจะขับออกหรือไม่ ผมเชื่อว่าวิญญูชน ประชาชนที่กำลังติดตามเรื่องนี้ อยากที่จะให้พรรคลงโทษ ไม่ให้คนที่ทรยศกับเสียงที่ประชาชนเลือกมา ได้สิ่งที่เขาต้องการ เพราะฉะนั้นการขับออก ณ ตอนนี้ สำหรับพวกเราคิดว่าไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม ส่วนทางที่คิดว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ที่เป็นทางเลือกสำรอง กรณีที่ถูกตีความว่าหนังสือฉบับนี้ ไม่ใช่การลาออกจากพรรค ก็คือการดองงูเห่า เท่านั้น” นายณัฐพงษ์ กล่าว
สำหรับกรณีการสร้างพรรคไม่ได้สร้างคน นายสหัสวัต ชี้แจงว่า คำว่าการสร้างพรรคไม่ได้สร้างคนนั้น ตนเองไม่เข้าใจอย่างยิ่งว่านางสาวกฤษฏิ์ หมายถึงอะไร ยืนยันว่าการสร้างพรรคกับการสร้างคนเป็นเรื่องเดียวกัน ดูได้จากพรรคอนาคตใหม่ มาก้าวไกล และประชาชน ยืนยันว่าเป็นการสร้างเครือข่ายเชิงคนที่จับต้องได้ให้เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด เรามีการทำงานเครือข่ายเชิงประเด็น เช่น เครือข่ายแรงงาน เครือข่ายLGBT เครือข่ายอื่นๆ ที่เราทำงานกันอย่างแข็งขัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการสร้างคนอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเติมองคาพยพ เช่น ของสมาชิกพรรคมีหลักสูตรต่างๆ ที่ให้สมาชิกพรรคสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเข้ามาเรียนรู้ เข้ามาหาความรู้ได้ตลอด
นายสหัสวัต กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราทำมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยสภาที่แล้ว หลายเรื่องประชาชนได้โหวต เช่น เรื่องประกันสังคม เพราะเป็นกระแสจริง และไม่ได้เกิดการแก้ปัญหา ไม่ได้เป็นประโยชน์กับชีวิตประชาชน และเรื่องคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงเรื่องปลาหมอคางดำ หลายๆเรื่องที่เราผลักดันประชาชนก็ได้ประโยชน์ ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ประชาชนทั่วไปก็จะเห็นว่าสิ่งที่เรากำลังทำเป็นการสร้างกระแส หรือว่าเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ส่วนกรณีที่ สส.ของพรรคประชาชนในพื้นที่เขตเดิมกลายเป็นงูเห่าซ้อนกัน 2 ครั้ง มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่เป็นบ้านใหญ่ หรือไม่ นายสหัสวัต กล่าวว่าไม่เกี่ยวข้องและไม่มีผลเลย
บรรยากาศ ภายหลังการแถลงข่าวของหัวหน้าพรรคประชาชน มีบรรดาด้อมส้ม กลุ่มเดิมจากเมื่อเช้าที่มาก่นด่า สส.กฤษฎิ์ ต่างกอดให้กำลังใจ นายณัฐพงษ์ และสส.พรรคประชาชน ซึ่งถูกมองว่า เป็นคนละเรื่องกับเมื่อเช้านี้ โดยได้หันไปหา สส.ชลบุรี ที่มาร่วมแถลงข่าวว่า อย่าเป็นงูเห่า อย่าย้ายไปไหน ถ้ารู้ว่าจะย้าย เดี๋ยวจะมาด่าถึงที่
“สส.กฤษฎิ์“ เปิดใจปมแตกหักพรรคประชาชน พร้อมขอให้ขับออก
ขณะที่เมื่อเช้าวันเดียวกัน ที่อาคารรัฐสภา นางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมนานนท์ สส.เขต 6 จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน แถลงข่าวถึงการขอยุติบทบาทการทำงานกับพรรคประชาชนว่า วันนี้ต้องรวบรวมความกล้าหาญและมีความลำบากใจที่จะต้องมาขอยุตติบทบาทการทำงาน แต่เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ต้องการที่จะทำงานร่วมกับพรรคการเมืองนี้แล้ว แต่ยังสังกัดพรรคเดิมซึ่งเป็นพฤติกรรม สส.งูเห่า ดังนั้น เหตุผลที่ทำงานกับพรรคประชาชนไม่ได้เพราะแนวทางการทำงานต่างกัน จึงกล้าที่จะออกมาบอกกับประชาชนว่าขอให้พรรคขับออก หลังจากยื่นหนังสือให้ตั้งแต่เดือนเมษายน แต่เหตุผลมาแถลงหลังวันที่ 11 พฤษภาคมเพื่อเป็นการสนับสนุนทีมเลือกตั้งเทศบาล จึงไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับพรรค เป็นเจตนาที่ไม่ต้องการให้เรื่องส่วนตัวกระทบกับพรรค
โดยสาเหตุที่ยุติบทบาทในวันนี้เนื่องจากว่า พรรคประชาชนมีเป้าหมายในการเน้นสร้างพรรค ไม่ได้เน้นในการสร้างคน เรื่องที่พรรคให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาการทำงาน เป็นการสร้างกระแสและความนิยมให้กับพรรคเป็นหลัก โดยไม่ได้มุ่งเน้นผลประโยชน์ของประชาชน ทำให้ตนเองไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ ตัวเองเป็น สส.เขต มีเป้าหมายในการทำงานแก้ไขในพื้นที่ แต่ไม่เคยได้รับการสนับสนุนอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคประชาชนได้อีกทั้งยังมีเรื่องการไม่ให้เกียรติไม่เคารพพูดจาลับหลังไม่ดีเกี่ยวกับสถานะทางเพศ และยังมีการปล่อยข่าวว่าเป็นงูเห่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงในพรรค
น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่าเสียใจที่ต้องยุติบทบาทในวันนี้ เหตุผลการที่ไม่ลาออกจะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณในการเลือกตั้งใหม่ ไม่ใช่เพื่อให้ดูเท่หรือเพื่อความสะใจ จึงไม่ลาออกและต้องการทำงานในหน้าที่ สส. ตามที่ประชาชนคาดหวัง และประชาชนในพื้นที่ไม่ได้มีปัญหา และแนะนำให้ไปสอบถามคนในพื้นที่ถึงการทำงานของตัวเอง
ส่วนประเด็นการแตกหักนอกจากปัญหาการทำงานในพรรค และส่วนจังหวัดที่มีปัญหามาโดยตลอด ตัวเอง ได้แจ้งร้องเรียนไปยังพรรคทุกครั้งแต่ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาตามกระบวนการและขั้นตอน ทำให้ไม่สามารถทำงานในพื้นที่ได้ และสุดท้ายประเด็นที่เป็นจุดแตกหักจากเหตุการณ์ที่อภิปราย เกี่ยวกับการสร้างอ่างเก็บน้ำที่เกาะสีชัง และขอให้กระทรวงมหาดไทยจัดงบประมาณทำท่อประปาต่อน้ำไปเกาะสีชัง ไปลงอ่างเก็บน้ำที่สั่งไว้
"แต่พอหารือจบ มี สส.ท่านหนึ่ง ต่อว่า เหมาะสมหรือไม่ที่พูดแบบนี้จึงยืนยันว่าเหมาะสมสำหรับตนเอง เพราะเป็น สส. ในพื้นที่ยืนยันว่าสิ่งที่ทำไปเหมาะสม และเป็นผลกระทบตั้งแต่นั้นมา ทางพรรค มีการต่อว่า เพื่อนๆ ส่วนมากไม่พอใจในการหารือวันนั้น เท่านั้นยังพอเพื่อนๆ ไม่กล้าเข้ามาคุยเพราะกลัวว่าจะเป็นการวางตัวไม่เหมาะสม กลัวพรรคไม่ส่งลงสมัครในครั้งต่อไป และมีเรื่องปลีกย่อยอีกมากมายที่ยังไม่อยากอธิบาย" น.ส.กฤษฎิ์ กล่าว
น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวต่อว่า ความผิดหวังในใจมากมายทำให้ ตนจึงได้ทำหนังสือถึงพรรคในการยุติบทบาท และเรียกร้องให้พรรคขับออก เพื่อไปทำประโยชน์ให้กับประชาชนชาวศรีราชาอย่างที่ตั้งใจ
สำหรับประเด็นเรื่องพรรคใหม่ที่ตนเลือกไปพรรคกล้าธรรม เพราะตนมีการประสานงาน กับรัฐมนตรีหลายคน และได้รับการตอบรับจากร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ช่วยแก้ไขปัญหามาตลอด 2 ครั้ง โดยประชาชนในพื้นที่มองว่าการเปิดอ่างเก็บน้ำเป็นเรื่องสำคัญ และเหตุผลในการเลือกพรรคการเมืองจะต้องเลือกพรรคที่สนับสนุนการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ และเชื่อว่าประชาชนเข้าใจ และขอให้ติดตามการทำงานต่อไป ตนเข้ามาทำงานในฐานะที่พร้อมจึงได้ลงสมัครในวันนั้น ขณะที่สส.ในพรรคหลายคนไม่ได้มีความพร้อมที่จะทำงาน
น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวเปิดใจว่าในการหาเสียงเลือกตั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไปช่วยตนหาเสียงครึ่งชั่วโมง นอกนั้นตนเดินเดินทุกบ้าน จนเจอคนที่ขัดรองเท้าให้ ตนจึงร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้งเพราะตนมองว่าตนต่อสู้มาคนเดียวในช่วงหาเสียงไม่มีแกนนำคนไหนมาช่วยหาเสียงเลย
โดยหลังจากนี้จะไปขอใบสมัครกับพรรคกล้าธรรมเพื่อขอร่วมงาน หลังจากที่พรรคขับออก ตั้งแต่ตนเลือกตั้งเข้ามา ตนมีอุดมการณ์ยึดมั่นเสมอว่าจะไม่ลาออกว่าจะไม่เป็นงูเห่า แต่หลังจากพรรคถูกยุบ ก็มีการปล่อยข่าวว่าตนจะเป็นงูเห่าแต่ตนก็ยืนยันว่าไม่เป็นงูเห่าแน่นอน
น.ส.กฤษฏิ์ ยังกล่าวว่า ต้องไปถามคนที่พูดและชี้แจงเพิ่มเติมว่า เดิมตั้งใจจะลาออกแต่ประเมินสถานการณ์หลายอย่างแล้ว เห็นว่าจะทำให้เสียงบประมาณในการจัดเลือกตั้ง และยืนยันทำงานให้กับประชาชน และยังเปิดเผยว่าก่อนที่จะตัดสินใจในครั้งนี้คิดมากมากจนเข้าโรงพยาบาล 2 ครั้ง ทั้งนี้ยังเปิดเผยว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เสนอให้ไปร่วมงานกับพรรค และปฏิเสธตอบกระแสข่าวเกี่ยวกับกระแสข่าวการใช้เงิน 55 ล้านบาทซื้อตัว โยนถามคนที่พูด แล้ววันนี้จะไปให้เขาผ่านการสัมภาษณ์ที่คมชัดลึก
สำหรับการจบชีวิตทางการเมือง น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่า ตอนแรกตอนตั้งใจจะลาออก แต่เมื่อดูสถานการณ์หลายอย่างถ้าลาออกต้องเสียงบประมาณในการเลือกตั้ง เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะยุบสภาหรือไม่ และอีกเหตุผลคือตนยังอยากทำงานให้กับประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนการแถลงข่าว มี สส.พรรคประชาชน ลงมาสังเกตการณ์ คือ นายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงด้อมส้ม ที่มาดักรอสังเกตการณ์ ก่อนรุมต่อว่า สส.กฤษฎิ์ ว่า คนเขาเลือกคุณ ในนามพรรค ตามโนยบายของพรรคประชาชน ไม่ใช่ที่ชุบตัวของคุณ ชุบตัวเพื่อเอาประโยชน์ส่วนตน คุณตอบคำถามประชาชนได้หรือไม่ หน้าไม่อาย โสเภณีเขาขายตัวเพราะเขาลำบาก เพื่อเลี้ยงตัว แต่คุณ สส.ขายตัว คืออะไร คุณไม่มีศักดิ์ศรี ลูกหลานคุณจะจำไปชั่วลูกชั่วหลาน โสเภณียังมีศักดิ์ศรีมากกว่าคุณ เงินไม่ใช่พระเจ้า อย่ารักเงินมากกว่าประชาชน ประเทสต้องการความถูกต้อง ความเป็นคนมันต้องมี ถ้าไม่มีอย่าเป็นคน
ช่วงหนึ่ง ด้อมส้ม ได้ยืนประจันหน้ากับสส.กฤษฎิ์ ที่ยืนอยู่บนโพเดียม ว่า ประชาชนเลือกคุณมา ที่จริงถ้าคุณจะขายตัวเป็นงูเห่า เงิน 55 ล้าน มันไม่น่าใช่ของคุณ มันต้องนำมาให้ประชาชน ที่เขาลำบาก เลือกคุณเข้ามา ซึ่งสส.กฤษฎิ์ ตอบกลับว่า ตอนนี้ ตนมีอยู่บาทเดียวในตัว ทำให้เกิดความชุลมุน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสภา ต้องเข้ามาควบคุม และขอความร่วมมือให้ ด้อมส้ม อยู่ในความสงบ โดยด้อมส้ม ก็ได้ตระโกน แทรก ตลอดการแถลงข่าวของ สส.กฤษฎิ์ เป็นระยะ
ช่วงท้าย การแถลงข่าว สส.กฤษฎิ์ ได้เลี่ยงการเผชิญหน้ากับกลุ่มด้อมส้ม โดยการหลบเดินออกทางประตูข้างห้องแถลงเชื่อมขึ้นไปยังบนอาคารรัฐสภา ทันที ทำให้ ด้อมส้ม โมโห และวิ่งไปดักบริเวณทางออกอีกทาง แต่ไม่พบตัวสส.กฤษฎิ์ จึงจุดติดเครื่องด่าทำงาน “ หนีทำไม หน้าด้าน ขายตัว เสียงบประมาณภาษีประชาชน ไสหัวออกไป ลาออกไป ประชาชนแค้น วางแผนไปกับธรรมนัสมานานแล้ว พูดอะไร ชงธรรมนัสตลอด ขอฝากไปถึงผู้กองธรรมนัส คุณคิดดีแล้วหรอ คุณจะรับ สส.ที่ไม่ซื่อไม่ตรง เขาหักหลังประชาชนได้ เขาก็หักหลังคุณได้
ด้อมส้ม รายหนึ่ง ถึงขั้น ยกมือพนมสาปแช่ง ใครที่นำเงินซื้อ สส. ขอให้มีอันเป็นไป สส.คนไหนที่รับจ้างได้สินบน ขอให้ชิบหาย ฟ้าผ่าตายจาก ประชาชนสู้แทบตาย แต่พอส่งมึงขึ้นสภา แล้วมาทำแบบนี้ เลว ชั่ว สารเลว