10 พฤษภาคม 2568 ปมร้อนการเมือง กรณี กกต.ออกหมายเรียก แจ้งข้อกล่าวหาต่อสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ในกรณี “ฮั้วเลือก สว.” ซึ่งล็อตแรกมีจำนวน 55 คน จากรายงานว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ กกต. ร่วมกับ ดีเอสไอ และ ปปง. ร่วมกันทำงานในคดี “ฮั้วเลือก สว.” มีบุคคลที่อยู่ในลิสต์ถูกส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสิ้น 150 ราย
โดยนอกจาก สว.แล้ว ยังมีผู้เกี่ยวข้องเป็นนักการเมืองระดับรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี จากพรรคการเมืองดังระดับประเทศด้วย เนื่องจากมีหลักฐานเส้นทางเงินโยงไปถึง โดยจะมีการทยอยส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า
ขณะที่วานนี้ (9 พ.ค.) หลัง กกต.ได้ลงนามอนุมัติออกหมายเรียก สว.กลุ่มแรก เพื่อให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และชี้แจงข้อกล่าวหา ได้มีการส่งหนังสือออกไปแล้วจำนวน 55 ฉบับ ส่งถึง สว. วิธีการส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา ในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ กกต.จะนำส่งเอง ยังที่อยู่ที่แจ้งตามเอกสารการสมัคร สว. หรือภูมิลำเนาเท่าที่ตรวจสอบได้ ซึ่งในกรุงเทพฯ มี 6 ราย รวมถึง สว.คนดัง ชื่อย่อ “อ.” ที่เพิ่งตกเป็นข่าวใหญ่รวมอยู่ด้วย
ส่วน สว.และบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัด กกต.และดีเอสไอใช้วิธีส่งเอกสารทางจดหมาย รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือดีเอสไอ ร่วมกันนำหนังสือไปส่ง โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ กกต.แต่ละจังหวัดเป็นเจ้าภาพ และผู้ประสานงานกลาง
ฝ่ายกล่าวหา (กกต. + ดีเอสไอ)
-กกต.ลงนามในหมายเรียก (หนังสือแจ้งข้อกล่าวหา) => ส่งภูมิลำเนา สว. => ล็อตแรก 53 ราย (8-9 พ.ค.) => ล็อต 2 ทยอยจนครบ 150 ราย (13-16 พ.ค.) => รอ สว.รับทราบข้อกล่าวหา/ ส่งคำชี้แจง
-หลัง กกต.ส่งหมายเรียกครบ 150 ราย => ดีเอสไอออกหมายเรียกคดีอาญา => ข้อหาหลัก “ฟอกเงิน” => ข้อหาที่เตรียมแจ้งเพิ่ม “อั้งยี่” => คาดว่าภายในสิ้ืนเดือน พ.ค. => สว.ที่รับหมายเรียก ต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหา/ให้ปากคำ => ใครขัดขืน โดนออกหมายจับ
ข้อสังเกต
- ใช้กฎหมาย กกต.นำ เพื่อปลดล็อกปัญหา “อำนาจการสอบสวนทับซ้อน” ตามที่ “ข่าวข้นคนข่าว” เคยเตือนเอาไว้
- เมื่อ กกต.แจ้งข้อกล่าวหา ส่งผลให้การได้มาซึ่ง สว. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็จะทำให้ดีเอสไอแจ้งข้อหา “ฟอกเงิน - อั้งยี่” ต่อได้
ฝ่ายถูกกล่าวหา (สว. + คนการเมือง)
-กรณียังไม่ได้รับหนังสือ อาจอ้างได้ว่าไม่ทราบ กกต.อาจต้องส่งหนังสือซ้ำ => นัดหมายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการกับ กกต. => นัดหมายส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติม => อาจขอขยายเวลาได้คราวละ 7 วัน หรือ 15 วัน
-เมื่อรับหมายเรียก ต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหา => หากเพิกเฉย หรือประวิงเวลา อาจโดนหมายจับ => เข้าให้ปากคำ / อ้างพยานบุคคล+พยานเอกสาร
ข้อสังเกต
-สว.ผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่ถือว่ากระทำความผิด และยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ => มีสิทธิส่งคำชี้แจงเต็มที่ และขอขยายเวลาได้มากที่สุดเท่าที่ กกต.จะอนุญาต => เมื่อได้พยานหลักฐานครบถ้วน กกต.ชุดใหญ่ลงมติชี้มูล => ถ้าเห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ ก็ส่งศาลฎีกาแจกใบแดง / หรือถ้าเห็นว่าไม่มีหลักฐาน ก็ยกคำร้อง
-เมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหา สว.จะตกเป็น “ผู้ต้องหา” => อาจเกิดการโต้แย้งอำนาจของดีเอสไอว่า สามารถสอบสวนเอาผิด สว.ได้หรือไม่ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือต้องส่ง ป.ป.ช. => สว.อาจโต้แย้งว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวนเรื่องนี้เลย เพราะเป็นอำนาจ กกต. หรือต้องรอศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นเด็ดขาดก่อนเท่านั้น