
29 เมษายน 2568 มีรายงานว่า มูดี้ส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) ระดับโลก ที่ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทต่าง ๆ เพื่อช่วยนักลงทุนตัดสินใจลงทุนอย่างมีข้อมูล ได้มีการประกาศได้เปลี่ยนแนวโน้ม (outlook) ของอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยจาก “คงที่” เป็น “เชิงลบ” ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจและการเงินของไทยอาจอ่อนแอลงในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังคงให้อันดับเครดิตที่ระดับ Baa1 (ซึ่งอยู่ในระดับการลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลาง)
1. ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกและนโยบายการค้า: การที่สหรัฐฯ ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติม อาจส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและเศรษฐกิจของไทยที่พึ่งพาการส่งออก ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลง
2. ความไม่แน่นอนจากนโยบายของสหรัฐฯ: ยังไม่แน่ชัดว่าสหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการทางภาษีต่อประเทศไทยเพิ่มเติมหรือไม่หลังจากช่วงพัก 90 วัน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีจากโควิด-19
3. แรงกดดันทางการคลังของรัฐบาลไทย: รายจ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้นมากหลังโควิด-19 ขณะที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้สถานะการคลังของรัฐบาลเสี่ยงต่อความอ่อนแอมากขึ้น
• ประเทศไทยยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
• มีสถาบันที่ดูแลนโยบายเศรษฐกิจที่ค่อนข้างมั่นคง
• รัฐบาลสามารถกู้เงินได้ในประเทศ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาต่างประเทศ
• หนี้ภาครัฐส่วนใหญ่เป็นหนี้ในประเทศ และมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง
• มีระบบบริหารจัดการนโยบายการเงินและการคลังที่มีประสิทธิภาพพอสมควร
บทสรุป : ถึงแม้เศรษฐกิจไทยจะยังมีความแข็งแกร่งในบางด้าน แต่มูดี้ส์เห็นว่า ความเสี่ยงโดยรวมต่อเศรษฐกิจ และฐานะทางการคลังของไทยเพิ่มสูงขึ้น จึงเปลี่ยนมุมมองไปเป็น “เชิงลบ” เพื่อสะท้อนความไม่แน่นอนเหล่านี้