
วันที่ 30 เมษายนนี้ คอการเมืองคงต้องจับตาอย่ากระพริบ เนื่องจาก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องของ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ขอให้ออกหมายจับและออกหมายขัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมารับโทษที่เหลืออยู่ เนื่องจากเห็นว่านับตั้งแต่คุณทักษิณ เดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยังไม่ได้ถูกคุมขังในเรือนจำเลย
"เนชั่นทีวี" ได้มีโอกาสสอบถาม อาจารย์คมสัน โพธิ์คง นักวิชาการประจำคณะนิติศาสตร์ ในมุมมองทางข้อกฎหมาย เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาเรื่องดังกล่าว พร้อมกับประเมินทิศทางการเมืองจากนี้ว่า "ในกรณีที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกาฯ หากมีคำสั่งให้รับคำร้องของ นายชาญชัย ก็จะตั้งองค์คณะสำหรับการไต่สวนขึ้นมา ซึ่งองค์คณะนี้ ทำหน้าที่แทนที่ประชุมใหญ่
“ถ้าเป็นการรับคำร้องจริงๆ ก็คงเป็นนัดพร้อม ส่งประเด็นให้คู่ความอีกฝ่าย ที่ถูกร้องเรื่องละเมิดอำนาจศาล นั่นคือ ราชทัณฑ์ ในวันนั้น อาจมีการกำหนดประเด็นหลายประเด็น เช่น สอบถาม ให้ชี้แจง ถึงการส่งตัวไป ได้ขออนุญาตต่อศาลไหน อย่างไร “หรืออาจมีประเด็น เรียกคุณทักษิณเข้ามา ให้เป็นผู้ถูกร้องสอบด้วย ซึ่งถ้าเรียกคุณทักษิณมา กระบวนการจะเร็วขึ้น ในแง่ของการชี้เรื่องนี้”
หากศาล เรียก “ทักษิณ” มาชี้แจงคราวเดียวกัน
อาจารย์คมสัน บอกว่า กรณีศาลเรียกนายทักษิณ มาเป็นผู้ถูกร้องสอบด้วย จะทำให้เรื่องนี้จบในกระบวนการชั้นศาลนี้ เพราะว่า ศาลจะส่งให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาชี้
"ถ้าที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกาชี้ว่า การส่งตัวคุณทักษิณไปรักษาตัวข้างนอกไม่ได้ขออนุญาตศาล ซึ่งถือว่า ยังไม่ได้เป็นการยกเว้น การบังคับตามคำพิพากษาให้จำคุก เมื่อไม่ได้เป็นไปตามหลักการ ตรงนั้น กรณีที่คุณทักษิณออกไปรักษาตัวข้างนอกโดยราชทัณฑ์ส่งไปจะถูกตีความได้ ในทางนัยยะว่า เป็นการออกไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยที่ราชทัณฑ์เป็นผู้กระทำ ทางราชทัณฑ์ก็คงมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะอธิบดี กับ ผู้บัญชาการ และอาจรวมไปถึงรัฐมนตรีด้วย"
เพราะในกฎกระทรวงมีขั้นตอนรายงานหลายอย่าง คือ เขาปฏิบัติตามกฎกระทรวง แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246 เพราะว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มาตรา 6 วางหลักการ ถ้าจะออกกฎกระทรวง ต้องไม่ขัด ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ฉะนั้นการที่ ราชทัณฑ์ใช้อำนาจตรงนั้น เป็นเหมือนการใช้อำนาจแทนศาลตามมาตรา 246 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งในวิธีพิจารณาความอาญา กำหนดให้ต้องไปร้องต่อศาลเพื่อจะขอทุเลาการบังคับโทษ โดยการส่งตัวออกไป เพราะฉะนั้น กรณีนี้จะกระทบไปถึง รมต. กระทบ อธิบดี ผู้บัญชาการเรือนจำ และข้อสำคัญ มีการเรียกนายทักษิณ เข้ามา ก็จะกระทบต่อตัวคุณทักษิณด้วย
ลุ้นคำสั่งศาล กรณีรับคำร้อง จบเร็วหรือต่อลมหายใจ
ส่วนที่มีการเสนอข่าว จากฝ่ายผู้ร้องประกาศนำคุณทักษิณเข้าเรือนจำอีกรอบ กรณีนี้จะเกิดขึ้นในช่วงใด อาจารย์คมสัน อธิบายว่า “ถ้าศาลเรียกคุณทักษิณเข้ามาด้วยในคดีนี้ อันนี้หล่ะ จะเป็นเวิอร์ดเคส เพราะว่ากระบวนการจะชี้จบในวันนั้นเลย จบในครั้งเดียวเลย ไม่ต้องเป็นสองสเต็ป
เพราะถ้าศาลไม่เรียก ต้องชี้สองสเต็ป คือ เป็นการบังคับโทษหรือยัง ทุเลาหรือยัง ถ้ายังไม่ใช่เป็นการทุเลา ราชทัณฑ์ ต้องไปตามจับคุณทักษิณกลับเข้าเรือนจำเหมือนเดิม ซึ่งตรงนั้นก็จะมีประเด็นยืดไปต่อ หมายความว่า ราชทัณฑ์ จะบังคับ /ไม่บังคับ ยังมีปัญหาอยู่อีก แต่ถ้าเรียก (ทักษิณ) มาทีเดียว มันจบในกระบวนการเดียว ไม่ต้องเอานายทักษิณกลับมาอีก เพราะว่า ถ้าศาลชี้เป็นสองขั้นตอน ชี้เฉพาะราชทัณฑ์ ไม่เอาทักษิณเข้ามา ศาลอาจต้องชี้สองครั้ง แต่อันนี้น่าจะจบครั้งเดียว ถ้าเป็นกรณี Worst CASE หมายความว่า คุณทักษิณถูกราชทัณฑ์พาตัวกลับเข้าเรือนจำ
ไม่ค่อยปรากฎ ราชทัณฑ์นำนักโทษออกเรือนจำไม่ขอศาล
อาจารย์คมสัน ยังให้ข้อมูลด้วยว่า "ไม่ค่อยมีเคสแบบนี้เกิดขึ้น เพราะว่า ส่วนใหญ่ ราชทัณฑ์ ไม่ค่อยยอม เอานักโทษออกจากเรือนจำ ป่วยแค่ไหน ก็พยายามรักษาอยู่ในรพ.ของราชทัณฑ์เอง ที่มีเรือนพยาบาลดูแลเรื่องเหล่านี้อยู่ ซึ่งมีหลายเคส ป่วยหนัก ก็อยู่ในนั้น แต่เคสคุณทักษิณ ถูกนำออกมาอยู่รพ.ตำรวจ ซี่งไม่ได้เกิดบ่อย และยิ่งเป็นกรณี ที่ไม่ขอทุเลา ตามมาตรา 246 ก็ไม่ค่อยมี เข้าใจว่าไม่มีเลย เคสนี้ค่อนข้างจะใหม่ในวงการกฎหมาย
สยบปมตีความ "ทักษิณ"กลับคุกซ้ำไม่ได้
อาจารย์คมสันต์ บอกว่า "เรื่องนี้ ก็ยังมีประเด็นที่ตีความแตกต่างกันอยู่ อย่างเช่น มีบางคนบอกว่า นายทักษิณ ไม่สามารถถูกลงโทษสองครั้งได้ ซึ่งผมคิดว่าเข้าใจค่อนข้างผิดในแง่หลักวิชา Double jeopardy ( ดับเบิ้ลจีโอพาดี้ ) หรือการลงโทษซ้ำ ใช้กรณี ที่คนนั้นถูกพิพากษามาแล้ว ก็มีการถูกลงซ้ำคดีแบบเดิม การกระทำแบบเดิมอีก แต่เคสนายทักษิณ ไม่ได้ถูกลงโทษ ปัญหาคือการบังคับการลงโทษ ไม่ใช่การพิพากษาให้ลงโทษอีก ในการบังคับการลงโทษ ว่าได้ถูกทุเลาการบังคับการลงโทษโดยถูกต้องตามกระบวนการตามกฎหมายหรือยัง ถ้ายังไม่ได้ถูกทุเลาการลงโทษตามกระบวนการทางกฎหมาย คือ นายทักษิณก็เหมือน ไม่ได้เคยรับโทษ เพราะฉะนั้น การที่นำนายทักษิณกลับมาลงโทษ ไม่เข้าหลัก double jeopardy ที่มีการพูดกันว่า นายทักษิณ มาลงโทษซ้ำไม่ได้ อันนี้ผมว่า ไม่ใช่หลักการเดียวกัน เป็นกรณีที่แตกต่างกับหลักเรื่องนี้พอสมควร เพราะฉะนั้น มีการพูดกันในเชิงแบบนี้ ซึ่งผมเห็นต่างเรื่องเหล่านี้ ว่า มันไม่ใช่ เคสลงโทษซ้ำในคดีเดิม การ กระทำเดิม คือการกระทำถูกลงโทษไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ บังคับการลงโทษ
"ประเด็น คือ บังคับการลงโทษอย่างถูกต้องหรือยัง ถ้ายังบังคับการลงโทษ แบบไม่ถูกต้อง หลักการก็ต้องลงโทษให้ถูกต้อง ตามหลักการของกฎหมาย เท่านั้นเอง"
เชื่อแผน"ทักษิณ"บินคุยทรัมป์ เป็นไปได้ยาก
นักวิชาการด้านกฎหมายท่านนี้ ยังกล่าวถึง การให้สัมภาษณ์ ของนายทักษิณ เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่จ.เชียงใหม่ ทำนองว่า ได้ซักซ้อมข้อมูลเพื่อเตรียมเจรจากำแพงภาษีกับทีมงานของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และหากจำเป็น ก็พร้อมขออนุญาตศาลเพื่อดำเนินการด้วยตนเองนั้น ว่า เรื่องนี้ ก็ต้องขออนุญาติศาล ว่าจะให้เดินทางหรือไม่ แต่ถ้าจะไปจริงตอนนี้ น่าจะลำบากอยู่ เพราะมีวันที่ 30 เมษายน ต้องไต่สวน ศาลไหนให้ไป ก็เสี่ยงกับตัวผู้พิพากษาที่ให้ไปพอสมควรเหมือนกันว่า ถ้าเป็นไปแบบเดิมเหมือนดูโอลิมปิกส์แล้วหายไปเลย 17 ปี ผู้พิพากษาคนนั้น น่าจะไม่มีอนาคต ในหน้าที่ราชการต่อ เพราะฉะนั้น เรื่องจะไปถามว่า ขอศาลนั้นขอได้ แต่จะได้ไปหรือไม่ ผมมองว่าได้ยาก เพราะยื่นมาแล้วสามครั้ง ไม่ได้เลย ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ และใกล้กับเรื่อง การทุเลาบังคับโทษตามาตรา 246 ที่นายชาญชัย ยื่นด้วย ผมมีความเชื่อส่วนตัว ว่าให้ยาก ใครเสี่ยงตายให้น่าจะเป็นปัญหา ต่อผู้พิพากษาที่จะพิจารณาให้ไป"
ชมคลิปข่าว