สว.นพดล ร่วม กมธ.พัฒนายั่งยืนรัฐสภาโลก-ชูสร้างสันติภาพ

นายนพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา และคณะทำงานด้านวิทยาศาสตร์ของสหภาพรัฐสภา พร้อมด้วยนายชวภณ วัธนเวคิน สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ผู้แทนรัฐสภาไทย กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ IPU Standing Committee on Sustainable Development ในห้วงการประชุมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 150 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ ที่กรุงทาซเคนต์ สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ระหว่างวันที่ 4 ถึง 11 เมษายน 2568 ซึ่งจะมีการพิจารณารับร่างข้อมติคณะกรรมาธิการวิสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หัวข้อ ''Parliamentary strategies to mitigate the long-lasting impact of conflicts, including armed conflict, on sustainable development'' ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ร่างข้อมติที่ที่ประชุมใหญ่จะมีการพิจารณา

โดยนายนพดล ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทย ยืนยันว่า ประเทศไทยสนับสนุนร่างข้อมติเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของรัฐสภาในการลดผลกระทบระยะยาวจากความขัดแย้งต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเต็มที่ เนื่องจาก ความขัดแย้งเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้า ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การบริหารจัดการ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนส่งผลให้การบรรลุเป้าหมายตามวาระปี 2030 ต้องล่าช้าออกไป โดยประเทศไทยขอเน้นย้ำประเด็นสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ประการแรก ความเชื่อมโยงระหว่างความขัดแย้ง ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม และความมั่นคงด้านสภาพภูมิอากาศ เป็นประเด็นสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ รัฐสภาควรบูรณาการความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เข้ากับกระบวนการสร้างสันติภาพ เพื่อแก้ปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารและน้ำ, ประการที่ 2 การกำกับดูแลภาคความมั่นคงโดยรัฐสภาอย่างมีประสิทธิภาพ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ประเทศไทยและอีกหลายประเทศ ยังคงมีข้อจำกัดในด้านนี้ จึงจำเป็นต้องเสริมสร้างบทบาทของรัฐสภาในการส่งเสริมประชาธิปไตย คุ้มครองสิทธิมนุษยชน และตรวจสอบความรับผิดชอบของภาคความมั่นคง และประการสุดท้ายประเทศไทย ขอย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือในระดับภูมิภาคและพหุภาคี การสร้างสันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยความเป็นหนึ่งเดียว ความร่วมมือ และการประสานงานในทุกภาคส่วน

นายนพดล ยังย้ำอีกว่า ประเทศไทยยืนยันความมุ่งมั่น ที่จะร่วมมือกับรัฐสภาสมาชิกทุกประเทศ เพื่อนำข้อมตินี้ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อสันติภาพ ความยั่งยืน และการพัฒนาที่ครอบคลุม