เวลา 13.30 น. ที่หอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี มหาวิทยาลัยพิษณุโลก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีพบปะมวลชนเสื้อแดงในงานเรื่องเล่า “ประสบการณ์ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของมวลชน”
โดย นายทักษิณ บอกว่า ตนติดหนี้ไว้นาน ตอนนั้นบอกว่าจะมีการจัดสังสรรค์ก่อนเลือกตั้ง แต่กลัวว่าเป็นประเด็นจึงขอติดหนี้ไว้ก่อน พอตนกลับมาก็ถูกทวงแล้วทวงอีกว่าประชาชนอยากเจอ ในที่สุดก็ลงตัวว่าจะมาวันนี้ 17 ปีที่รอคอยก็ตรงกับวันที่ 17 พอดี ที่เดินทางมาหากัน
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ต้องขอคารวะหัวใจทุกคน ที่เด็ดเดี่ยวต่อสู้เพื่ออยากเห็นความเป็นธรรมในบ้านเมือง ที่สำคัญคือไม่เคยลืมตน ซึ่งตนจากไปนานเกิน หากประชาชนลืมตนก็คงไม่สามารถน้อยใจได้ แต่นี่ไม่ลืมเลย เมื่อกลับมาก็อยากเจอตนอีก ตนก็ต้องมา เพราะตนเป็นคนที่รู้จักสำนึกในบุญคุณของคน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร บุญคุณของทุกๆคนคือไม่เคยทิ้งตน 17 ปีไม่เคยทิ้งกัน เลือกตั้งทุกครั้งก็ไปเลือก ไปเชียร์ ไปช่วยหาเสียง แม้ครั้งที่ผ่านมาเราจะเสียหายไปเยอะ อาจเกิดจากความประมาทหรือเกิดจากการที่กระแสพลิกในตอนท้าย แต่เชื่อว่าในครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยคงจะแข็งแรงมากกว่านี้ โดยมีทุกคนคอยเป็นกำลังใจคอยสนับสนุน
วันนี้ที่ตนมา นอกจากมาขอบคุณในน้ำใจที่ไม่เคยลืมกัน ยังอยากมาบอกว่า วันนี้เราไม่ต้องไปต่อสู้อะไรแล้วในเรื่องของการเมือง การเมืองวันนี้ตนอยากเห็นทุกฝ่ายมองประเทศไทยเป็นหนึ่ง เพราะลำพังเราสามัคคีกัน อย่างไรก็ยังสู้เขายาก แต่ถ้าการแตกแยกเกิดขึ้นในบ้านเมือง เราก็ยิ่งสู้เขายาก เพราะการแข่งขันในโลกใหม่มันรุนแรง แข่งขันกันด้วยพลังเงิน ด้วยเทคโนโลยี วันนี้เราจะต้องแข็งแรงมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นิสัยเก่าๆที่ชอบอิจฉาริษยา ทำงานเป็นทีมไม่ได้ คนไทยต้องเบาลง ไม่อย่างนั้นประเทศเราจะไม่แข็งแรง
“ผมอยากบอกพี่น้องเสื้อแดงทุกคน ว่าผมจะถูกใส่ร้ายป้ายสีในอดีตอย่างไรก็แล้วแต่ วันนี้ผมให้อภัย เพราะผมถือว่าผมคือผู้รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม อยากเห็นคนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความเป็นธรรม“
นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า ตนกลับได้เพราะพระเมตตา ดังนั้นจะต้องกลับมาทำงานให้กับบ้านเมือง ทำให้เป็นยุคศิวิไลซ์ การเมืองเข้มแข็ง แข็งแกร่ง และบริหารประเทศด้วยปัญญา ด้วยความถูกต้อง แล้วบ้านเมืองจะไปด้วยดี ลูกหลานก็จะสบาย
วันนี้หลายคนยังมองว่าอนาคตลูกหลานจะเป็นอย่างไร แม้กระทั่งคนมีฐานะยังวิตกว่าลูกหลานจะอยู่กับสังคมยุคใหม่อย่างไร คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักว่าภัยคุกคามทางการพัฒนามันแรงมาก เราจะต้องรีบปรับตัว โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกระแสข่าว เพราะฟังดูแล้วก็ยังห่างไกลจากความเข้าใจโลกที่เปลี่ยนไป วันนี้เรายังจมอยู่กับเรื่องของการเกษตร การทำงานเป็นลูกจ้าง แต่ในอนาคตประเทศไทยจะเป็นลักษณะของธนาคารหน่วยกิต ไม่ใช่ประเภทจ่ายครบจบแน่ แต่เป็นการเรียนครบแล้วค่อยจบ วันนี้เราจะทำให้คนไทยเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ไม่มีอะไรยาก เพียงแต่ประชาชนต้องการการนำที่ถูกต้อง
ปีนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะต้องสร้างโอกาสให้ ต้องแก้ปัญหาที่หมักหมมมานานให้ได้ ตนก็เลยให้คำแนะนำไปหลายเรื่อง ขอให้สังเกตดูว่าตนพยายามไปรู้จริงกับหลายปัญหา แม้แต่การลงพื้นที่ภาคใต้ที่มีการสู้กันมา ก่อความไม่สงบมาเป็นเวลา 20 ปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของความเข้าใจ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สนุกสนานกับผลประโยชน์ที่ได้รับ สิ่งเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขแน่นอน
นายทักษิณ ยังเปิดเผยด้วยว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตนคิดกับ นายกฯ อิ๊งค์ ดังๆว่าทำอย่างไรจะให้หนี้สินคนไทยหมด เพราะวันนี้หนี้ครัวเรือนเยอะเหลือเกิน
“เราจึงคิดกันว่าจะซื้อหนี้ทั้งหมด ซื้อหนี้ของประชาชนออกจากระบบธนาคารดีหรือไม่ แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน แล้วให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ยกจากเครดิตบูโรให้หมด ให้เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องทำมาหากินใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท เพราะตนสามารถให้เอกชนลงทุน วันนี้รัฐเป็นหนี้เยอะ เราเข้ามาหนี้ก็บานตะไทแล้ว วันนี้จะขยับอะไรทีก็เป็นหนี้ไปหมด เราต้องสร้างหนี้ให้น้อยที่สุด และสร้างโอกาสให้คนไทยมากที่สุด พูดง่ายทำยากแต่ต้องทำ”
นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า ตนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ก่อนเข้าห้องเรียนต้องปฏิญาณตน หนึ่งในนั้นคือ “ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” และ “ตายเสียกว่าที่จะอยู่อย่างผู้แพ้” ดังนั้นสิ่งที่ตนพูด นายกฯ พูด ทำแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่เป็นพรรคไทยรักไทย เพราะพรรคมีขนาดเล็กลง มีรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงน้อยลง บางทีรัฐมนตรีกระทรวงข้างเคียงก็ทำงานด้วยกันไม่คล่องตัว พยายามทั้งนวดทั้งบีบ ให้ช่วยกัน
“ทำงานเถอะพ่อมหาจำเริญ ช่วยกันหน่อยเถอะ ถ้าพ่อมหาจำเริญไม่ทำ ตัวใครตัวมันนะครับ วันนี้ถือว่าบ้านเมืองคือหัวใจที่เราจะต้องทำให้ผ่านไปให้ได้ ”
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ที่อาจทำให้พรรคประชาชนเข้าใจผิด ว่า ตนอาจจะพูดสั้นไป ทำให้พรรคประชาชนมองว่าตนเห็นดีเห็นงามกับการยุบพรรค
“ผมเป็นคนเกลียดเรื่องระบบยุบพรรคที่สุด เพราะโดนมาเยอะแล้ว และผมก็ไม่อยากเห็นพรรคประชาชนหรือพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ไม่อยากเห็นเลย แต่เราต้องแคร์ ผมโดนยุบตนก็เคารพกติกา ที่ผมพูดวันนั้นว่าเดี๋ยวจะหายไปอีกพรรค นั่นคือหายไปจากความทรงจำของประชาชน การหายไปจากความทรงจำของประชาชนเป็นการลงโทษที่ร้ายแรงที่สุด เพราะการเมืองจะตั้งอีก 10 พรรคก็ได้ ถ้ายังไม่หายจากความทรงจำของประชาชน ถ้าหายไปแล้วตั้งยังไงก็ไม่ได้ เราอยากเห็นพรรคการเมืองดีๆ อยู่กับประชาชน ไม่อยากเห็นพรรคการเมืองดีๆไปใช้วิธีการของพรรคการเมืองบางพรรคเก่าๆ แค่นั้น นั่นคือสิ่งที่ผมพูดวันนั้น ไม่ได้หมายความว่าไปเห็นดีเห็นงาม ขออธิบายจะได้เข้าใจถูก“
นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า ตนเป็นคนมองโลกในแง่ดี พร้อมให้โอกาส พี่น้องคนเสื้อแดงก็เห็นว่าตนมีขาประจำ บางคนเป็นขาเดียวกันย้ายไปอยู่ขาประจำก็มี เพราะฉะนั้นตนไม่ได้หวั่นไหว แทนที่จะเป็นขาประจำ ตนไม่อยากเห็นเขาเครียดเพราะด่าตนแทบตายตนก็ไม่เครียด ตนเป็นห่วงเดี๋ยวเส้นโลหิตในสมองแตกขึ้นมา อย่าไปโกรธเลย มานั่งคุยกับตน กินไวน์กับตน แล้วมีอะไรคับแค้นหัวใจมาคุยกัน ก่อนบอกว่าตนก็ลืมถามพ่อ เพราะพ่อเสียไปแล้ว
“ลืมถามพ่อว่า ปู่ผมมีอะไรกับปู่เขาหรือไม่ มันถึงไม่เลิกเห่าหอนเสียที ที่ผมพูดคืออยากเห็นบ้านเมืองสามัคคี ไม่อยากเห็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ด่ากันไปด่ากันมาไร้สาระ ผมปล่อยวางหมดแล้ว”
อยากให้พี่น้องคนเสื้อแดงทั้งหลายกลับบ้านไปบอกพรรคพวก ว่าเรื่องปัญหาประเทศตนรับไว้ และรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กระบวนการการแก้ปัญหาต้องใช้เวลาและยากกว่าเดิม เพราะทหารวางระบบไว้เลอะพอสมควร ฟื้นยากหน่อยแต่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราต้องสู้ ต้องทำให้ได้
นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า อยู่ๆการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็อภิปรายนายกฯคนเดียว ก็ดีเหมือนกัน แต่อภิปราย สทร. ทีแรกจะใช้ชื่อทักษิณผิดกติกา พอตนไปพูดตำแหน่งตนคือ สทร. ก็เลยเอาตรงนี้ไป เข้าใจว่าจะใช้แบบนี้ แต่ในสายตาคนที่รักตน สทร. ไม่ได้แปลว่า เสือกทุกเรื่อง แต่แปลว่า “สุดที่รัก” ขอให้คิดว่าเป็นสุดที่รักเยอะหน่อยก็แล้วกัน ตนอยากทำงานให้ประชาชนเลยขอเสือกทุกเรื่อง แต่ว่าเสือกแล้วทำงานได้ดี ก็ขอให้เป็นที่รักของประชาชนก็แล้วกัน
นายทักษิณ กล่าวว่า พี่น้องมากันหลายจังหวัดอิ่มหรือไม่ กลัวเลี้ยงไม่พอ ซึ่งตนผูกพันกับประชาชน ไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ก็คิดถึงเรื่องของประชาชน และประเทศ อย่างที่เล่าให้ฟังตนเป็นคนกตัญญู พอประชาชนไม่ลืมเรา ก็คิดว่าประชาชนลำบากจะช่วยอย่างไร และตนจะไปพบปะพี่น้อง และจะใช้เวลามากขึ้นเพื่อให้รู้จริงถึงปัญหา ปัญหาถ้ารู้ไม่จริงก็แก้ไม่ถูก ถ้ารู้จริงปัญหาก็จะแก้ได้ วันนี้ตนต้องการเห็นข้าราชการทุกกระทรวง คนไทยทุกหมู่เหล่ายึดผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลักในการแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นตนว่าบ้านเมืองไปได้ บ้านเมืองของเรามีศักยภาพแต่เราขาดความสามัคคีนานไปหน่อย
“ใครเป็นพวกผมก็ลำบากหน่อย ที่ผ่านมาพวกผมที่ยอมลำบากและไม่ทิ้งผมก็ยังมีจำนวนมาก เพราะฉะนั้นวันนี้ผมพร้อมที่จะเอาโอกาสดีๆ ให้คนไทยกลับขึ้นมา ขอเวลานิดหนึ่ง ผมขอเวลาอีกไม่นาน ไม่ต้องรอถึง 9 ปี จำได้ไหมขอเวลาอีกไม่นาน ไม่ต้องถึง 9 ปีแน่นอน อย่างมากอีกสมัยเดียว เพื่อไทยแก้ปัญหาได้หมด แต่ถ้าอีก 2 ปีที่เหลือรับรองว่าเบาบางแน่นอน”
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า บางวันตนทำงาน 08.30 น.-22.00 น. แต่ตื่น 05.00 น. มาออกกำลังกายก่อน เดี๋ยวไม่แข็งแรง ตื่นมาออกกำลังกาย 08.30 น. ก็นับแล้ว 22.00 น. กลับบ้าน แต่รายวันจะเป็นอย่างนี้ต่ออาทิตย์ เพราะว่าอยากเห็นการแก้ปัญหารวดเร็วกว่านี้ มันช้าไปหน่อย สมัยตนมันง่ายเพราะนั่งหัวโต๊ะ นั่งไล่บี้ วันนี้เงินยังอยู่ในกระทรวงต่างๆอีกเยอะ ใช้ช้า ตนใช้คำว่าพ่อมหาจำเริญนั่งทับเงินทับทองจำนวนมาก รีบใช้หน่อยเถอะ เงินจะได้ถึงมือประชาชนโดยเร็ว เป็นเรื่องที่เราพูดเล่นกันในการบริหาร เพื่อเร่งระบายเงินเข้าสู่การพัฒนาโดยเร็ว จัดซื้อจัดจ้างเร็วๆ ประเทศจะได้เดินหน้า ทำไมต้องใช้ทั้งไม้นุ่มและไม้แข็ง พูดไปพรรคประชาชนก็ชอบว่า ว่าพูดแล้วทำไม่ได้ พูดแล้วไม่ตรงปก ขอให้ไปจดไว้เลย
“ทำได้ทุกเรื่อง แต่เวลามันยืดเนื่องจากเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป อย่างเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต อีกไม่นานพวกคุณจะเข้าใจมากกว่านี้ เพราะตอนนั้นที่พูดกันว่าจะไม่กู้ เพราะเราไปเข้าใจว่าไม่มีใครเข้ามายุ่งกับการบริหาร เราก็จะออกเหรียญและให้ประชาชนใช้พร้อมกันทีเดียว แล้วเหรียญก็จะวนในระบบ แล้วรัฐบาลค่อยๆ ตั้งงบประมาณชดเชย ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็จะดี เก็บ Vat ก็ได้ มันก็จะใช้หนี้ตัวมันเอง แต่ปรากฏว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงค์ชาติ) มาถึงเป่านกหวีดบอกไม่ได้ ต้องมีเงิน ต้องตั้งงบประมาณ ผลสุดท้ายคือผิดแผน แต่เราพยายามปรับปรุงแก้ไขจนได้ แล้วต่อไปเทคโนโลยีดิจิทัลวอลเล็ตพี่น้องจะจำเหมือน 30 บาทรักษาทุกโรค จะเป็นกระเป๋าตังค์ของท่าน ท่านจะถูกเติมเงินในกระเป๋านี้ โดยวิธีการต่างๆเพราะฉะนั้นกระเป๋าดิจิทัลนี้จะเป็นอะไรที่อยู่กับท่านตลอดชีวิต แล้วท่านจะรู้ว่าโอ้ เป็นความปรารถนาดีของพรรคเพื่อไทยจริงๆ แต่วันนี้คนยังมองไม่เห็น เราก็ปล่อยให้มองไม่ออกต่อไป เราก็กำลังทำอะไรที่เป็นเรื่องสมัยใหม่และก้าวหน้า เพราะทำแบบโบราณมันเอาไม่อยู่จริงๆ พี่น้องเชื่อหรือไม่ว่าถ้าเปรียบเทียบเศรษฐกิจเหมือนบ้านเป็นฐานราก มันพัง คานคอดินทรุด มันซ่อมยากกว่าซ่อมหลังคา ตอนปีต้มยำกุ้งเป็นปีที่หลังคาพัง ซ่อมง่ายซ่อมเร็ว วันนี้ซ่อมยากขึ้นแต่ก็ต้องซ่อมเพราะเราไม่สามารถสร้างบ้านหลังใหม่ได้ ต้องเอาหลังนี้ซ่อมจนได้ บังเอิญว่าเทคโนโลยีใหม่ๆมันเกิดขึ้น แทนที่จะไปขุดใหม่ ก็สามารถเสริมได้ทำนองนี้ คือเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้การซ่อมแซมเศรษฐกิจประเทศไทยได้เร็วขึ้น
“พี่น้องครับ เทคโนโลยีมันมาแน่นอน และผมติดตามมาตลอด เพื่อเอามาเป็นประโยชน์ให้กับประเทศไทย อีกหน่อยทุกคน ลูกหลานใช้ AI เป็นหมด ถ้ามองว่าเทคโนโลยีมาช่วยเรา ชีวิตจะง่ายขึ้น แต่เมื่อมองว่ามันยากเหลือเกินทำให้ชีวิตเราลำบาก เราก็ยังโง่ต่อไป ต้องหยุดโง่ ไม่มีอะไรยาก ผมอยู่ผมจะทำ ผมจะช่วยคนไทยทั้งหมด”
นายทักษิณ ยืนยันอีกว่า กลับมาไม่เสียข้าวสุกแน่ อันนี้เราถือว่าเราพูดกันเหมือนพูดกับคนในบ้าน เราพูดกันได้ทุกเรื่องมันจะหลุดออกไปก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมต้องการให้เน้นว่าผมพูดกับคนในบ้านผมนะ เพราะฉะนั้นผิดนิดผิดหน่อยก็ขออภัยด้วย ขอบคุณมาก ดีใจที่ได้มาเจอกัน ก็ขอให้เดินทางกลับบ้านด้วยความสวัสดิภาพ และเราจะเจอกันอีกเรื่อยๆ ไม่หายไปไหน แต่ก็วนเวียนหมุนไปหมุนมา