“ฐิติวุฒิ” แนะจัดเฉดสี “กะเหรี่ยงเทา” สกัดเหล่าแก๊งฟอกขาว

อาจารย์ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา เสนอว่า สิ่งที่ทางการไทยยังไม่ได้ทำ และต้องเร่งทำในห้วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือ จัดลำดับเฉดสีของกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับจีนเทา เพราะขณะนี้เห็นชัดเจนว่ามีบางกลุ่มพยายามฟอกตัว แต่บางกลุ่มเลือกจะเงียบ แต่เป็นตัวเด็ด ส่วนบางกลุ่มถูกป้ายสีให้เลวร้ายเกินจริง

 

สาเหตุที่เสนอให้เร่งจัดกลุ่ม แบ่งเฉดสี อาจารย์ฐิติวุฒิ อธิบายว่า เพื่อแยกมิตร แยกศัตรูที่ชัดเจนของรัฐบาลไทย ไม่ใช่ไปจัดกลุ่มเหมือนกันหมด จะทำให้ไทยขาดแนวร่วมในการแก้ไขปัญหา

 

อาจารย์ฐิติวุฒิ แจกแจงว่า หากให้แบ่งเฉดสีกว้างๆ เป็น “สีเทา เข้ม - กลาง - อ่อน” จะแบ่งได้ 3 กลุ่มตามพฤติกรรม คือ 

 

เทาเข้ม หรือสีดำ - คือ กลุ่มที่ร่วมลงทุนกับ “จีนเทา” ถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง เก็บเงิน รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ด้วย และพัวพันกับการหลอกลวง หรือค้ามนุษย์ 

 

 

เทากลาง - คือกลุ่มที่เปิดเช่าพื้นที่ เก็บค่าผ่านทาง เก็บค่าสัมปทาน และอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจสีเทาหรือสีดำโดยตรง ซึ่งปัจจุบัน “หม่อง ชิต ตู่” พยายามบอกว่าตนเองอยู่กลุ่มนี้ 

 

 

เทาอ่อน - คือกลุ่มที่ไม่ใช่แก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยตรง แต่ใช้เมืองบาปเหล่านี้เป็นจุดหมาย หรือทางผ่านในการขนส่งยาเสพติด และสินค้าผิดกฎหมายเข้าไป

กลุ่มเทาอ่อนกลุ่มนี้ หมายถึงกลุ่มที่สีเทาจางๆ ในอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ แต่อาจะเป็น “สีดำ” ในสายของการค้ายาก็ได้ 

 

 

อาจารย์ฐิติวุฒิ สรุปว่า การแยกเฉดสีให้ชัดเจน จะทำให้ทางการไทยแก้ไขปัญหาได้ถูกจุด ถูกฝาถูกตัวมากขึ้นกว่าเดิม และต้องไม่ลืมว่า อาชญากรบางส่วน ไม่ได้เกี่ยวกับจีนเทาอย่างเดียว แต่มีสายโยงใยกับยาเสพติดด้วย เพราะพื้นที่นี้ก็เกี่ยวข้องกับการผลิตยาเสพติดมาก่อน 

 

อาจารย์ฐิติวุฒิ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปราบเครือข่ายอาชญากรรมสีเทาในฝั่งไทยด้วย ไม่ใช่ให้น้ำหนักเฉพาะฝั่งเมียนมา ที่ผ่านมาได้เห็นเฉพาะการโยกย้ายตำรวจ แต่ไม่เห็นการปราบปรามอาชญากรรมผิดกฎหมายที่แม่สอดเลย ทั้งๆ ที่มีเครือข่ายอาชญากรมากมาย ทั้งนักธุรกิจ และเจ้าหน้าที่รัฐเอง โดยอาชญากรรมสำคัญที่เคยตกเป็นข่าว คือ   

 

หนึ่ง ปัญหาการสวมบัตร และซื้อขายบัตรประชาชนปลอม มีการปราบปรามครั้งใหญ่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก้าวหน้าไปถึงไหน หรือว่ากลับไปมีปัญหาเหมือนเดิม 

 

 

สอง เครือข่ายผู้มีอิทธิพลข้ามแดน ซึ่งกระจายอยู่ทั้งสองฝั่ง การที่รัฐบาลมุ่งปราบฝั่งเดียว ไม่ทำให้เครือข่ายเหล่านี้หมดไป เพราะยังฝังตัวอยู่ในฝั่งไทย โดยเฉพาะอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ฉะนั้นหากทำ “แม่สอดโมเดล” จัดการอาชญากรรมเมืองชายแดนได้สำเร็จ ก็จะขยายไปพื้นที่อื่นๆ ของไทยได้เช่นกัน