svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ทวี" ไร้กังวลศึกซักฟอกปมชั้น 14 พร้อมเผย DSI สอบฮั้วเลือก สว.แล้ว พบมีมูล

"ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม ตรวจเยี่ยมเรือนจำนครศรีฯ ก่อนร่วม ครม.สัญจร เปิดใจ ไร้กังวล "ศึกซักฟอก" โดยเฉพาะปมชั้น 14 พร้อมบอกกรณี "หม่อง ชิดตู่" กวาดล้างแก๊งคอลฯ ไม่กระทบปมเตรียมขอออกหมายจับ ส่วนเรื่อง "ฮั้วเลือก สว." ดีเอสไอสอบแล้ว พบมีมูล

16 กุมภาพันธ์ 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยการเดินทางมาในครั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า เป็นการเดินทางมาในนามของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะ ครม. จะให้รัฐมนตรีทุกท่านได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดอันดามัน ก่อนที่จะมีการประชุม ครม.สัญจร กันอีกครั้งที่ จ.สงขลา   

สำหรับในส่วนของกระทรวงยุติธรรม คงหนีไม่พ้นมิติของความยุติธรรม ดังนั้นจึงได้เดินทางมาเยี่ยมราชฑัณท์ ซึ่งเป็นปลายทางของกระบวนการยุติธรรม และวันนี้ทางรัฐบาล และกระทรวงยุติธรรม มีความต้องการให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางของนโยบาย หรือประชาชนเป็นศูนย์กลางของกระบบวนการยุติธรรม ซึ่งผู้ต้องขังก็ถือว่าเป็นประชาชนเช่นกัน ดังนั้น ทางกระทรวงยุติธรรมจะต้องทำให้ทุกคนมีคุณค่า มีความสำคัญ และมีศักดิ์ศรี และจากนี้ไปเรือนจำก็จะเปลี่ยนเป็นสถานที่ฟื้นฟู หรือสถานที่ศึกษา เพื่อให้เป็นคนใหม่ และมีชีวิตใหม่ 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า สำหรับในเรื่องการศึกษา และเรื่องของอาหาร  เรื่องเหล่านี้ในอนาคตอาจจะมีการถ่ายโอนมาให้กับทางท้องถิ่น เนื่องจากทางท้องถิ่นจะทราบดี และรู้ความต้องการของพื้นที่เป็นอย่างดี และในวันนี้ได้เดินทางมาดู ก็ต้องขอชื่นชมว่า ได้บริหารให้ขีดจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ไม่กังวลฝ่ายค้านซักฟอกปม "ชั้น 14" ยันทำตามกฎหมาย


นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังได้กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน หรือ "ศึกซักฟอก" ที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้ว่า ตนยังไม่รู้เลยว่าฝ่ายค้านจะซักฟอกเรื่องอะไร และอย่าเพิ่งไปคาดการณ์อะไรมากนัก เพราะรัฐบาลดำเนินงาน และดำเนินการอยู่ภายในกฏหมายทุกขั้นตอน อย่างเช่นว่า ในเรื่องการส่งผู้ต้องขังไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันมีผู้ต้องขังจำนวนมากที่มีอาการเจ็บป่วย และจะต้องได้รับการรักษาอาการป่วย ซึ่งในส่วนนี้ก็จะต้องให้พวกเขาเหล่านั้นได้รับการรักษาตามขั้นตอน 

อย่างเช่น กรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ก็เช่นกัน  เรื่องนี้ถือว่า "ท่านทักษิณ" ก็สามารถเข้ารับการรักษาอาการได้เหมือนกับผู้ต้องขังทั่วๆ ไป ซึ่งปัจจุบันทุกโรงพยาบาลก็มีห้องพิเศษ และถือว่าเป็นที่คุมขังพิเศษ และเรื่องนี้ก็สามารถที่จะตอบคำถามได้ทุกประเด็น เพราะกระทรวงยุติธรรมก็อยู่ภายในกรอบกฏหมายด้วยเช่นกัน  ทั้งนี้ หากประชาชนเห็นว่าไม่เหมาะ เรื่องนี้ก็ควรที่จะแก้ไขกฎหมายโดยทางรัฐสภา และกฎหมายดังกล่าวก็เกิดขึ้นก่อนที่ตนเองจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี (พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560)

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการอภิปรายที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น มีความกังวลมากน้อยเพียงใด พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สำหรับตนเองแล้ว เรื่องนี้ไม่มีความกังวลแต่อย่างใด เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นไปตามกระบวนการทางสภา และถือว่าเป็นเรื่องดีเสียอีก เพราะได้ฝ่ายค้านเข้ามาช่วยตรวจสอบ เนื่องจากบางเรื่องเราอาจจะไม่รู้ว่า เรื่องนี้มีที่มาหรือที่ไปอย่างไร ขณะเดียวกัน หากเรื่องดังกล่าว เมื่อเราทราบจากฝ่ายปฏิบัติ ก็จะมาตอบคำถามให้กระจ่างได้มากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ผู้ที่จะเข้ามาตัดสิน ก็คือประชาชน

"หม่อง ชิตตู่" กวาดล้างแก๊งคอลฯ ไม่กระทบปมเตรียมขอออกหมายจับ

สำหรับการเตรียมออกหมายจับ "หม่อง ชิดตู่" ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง หรือ BGF ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นกองกำลัง KNA ที่ถูกมองว่ารู้เห็นกับการเปิดพื้นที่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปตั้งฐานในพื้นที่รับผิดชอบนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ทางพนักงานสอบสวนมีคดีเก่า เรื่องค้ามนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2565 ทั้งในกลุ่มคนชาวอินเดีย และกลุ่มคนจากชาติต่างๆ ซึ่งเบื้องต้นนอกจากผู้กระทำความผิดที่เป็นคนไทยแล้ว ยังมีกลุ่มคนที่กระทำผิดจากชาติต่างๆ รวมอยู่ด้วย 

และในความผิดที่เกิดขึ้น เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร และเมื่อทางอัยการให้มีการทบทวนการเสนอหมายจับ เรื่องนี้ก็ต้องเชื่อทางอัยการ 

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า เรื่องการออกหมายจับ หม่อง ชิดตู่ ไม่ได้ทำตามกระแส แต่เนื่องจากมีข้อมูลการกระทำผิดที่ชัดเจน จากทางสหภาพยุโรป หรือ อียู และทาง เอฟบีไอ ของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งทาง สมช. (สภาความมั่นคงแห่งชาติ ของไทย) และข้อมูลในส่วนอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการระบุว่า พื้นที่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ หม่อง ชิตตู่ มีการสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งมีการค้ามนุษย์ด้วย 

สำหรับเรื่องนี้ทางอัยการอาจจะดูในเรื่องของประจักษ์พยาน แต่ทางพนักงานสอบสวนก็กำลังมีการประสานงานกันอยู่ โดยทราบว่าทาง หม่อง ชิดตู่ ก็ได้มีการติดต่อมายัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐนตรี และ รมว.กลาโหม  เพื่อขอความเป็นธรรม โดยได้มีการแสดงเจตจำนงว่า จะทำการกวาดล้างบรรดาขบวนการ ละแก๊งต่างๆ ในพื้นที่ของเขาให้หมดไป  แต่ในส่วนนี้ถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน  เพราะคดีที่เกิดขึ้น ทางการไทยทำตามพยานหลักฐาน 
 

"ทวี" เผย "ดีเอสไอ" สอบแล้ว ปม "ฮั้วเลือก สว." พบมีมูล!


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตรวจสอบ "โพยฮั้ว สว." และอาจรับเป็นคดีพิเศษ จนมีกระแสข่าวจากฝั่ง สว.ว่าจะเรียกอธิบดีดีเอสไอ และรัฐมนตรียุติธรรมเข้าชี้แจงนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นกรณีที่ทางกระทรวงยุติธรรมได้ทำงานร่วมกับทาง กกต. และมีการร้องทุกข์เอาไว้เดิม โดยได้มีการส่งเรื่องให้กับทาง กกต.แล้ว เพราะมีมูลน่าเชื่อได้ว่า มีการกระทำความผิด 

"เรื่องนี้ทาง ดีเอสไอ พบว่ามีมูลความผิด จึงส่งเรื่องให้กับทาง  กกต. แต่ความผิดที่นอกเหนืออำนาจของ กกต.  เช่นความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้มีการไม่ปฎิบัติตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ เพราะอยู่ในหมวดความมั่นคง ตามประมวลกฎหมายอาญา (มาตรา 116) หรือความผิดฐานใช้เงิน ซึ่งมีพยานให้การ โดยมีผู้กล่าวโทษร้องทุกข์ อาจเข้าข่ายการฟอกเงิน ซึ่งเรื่องนี้ทาง ดีเอสไอได้มีการทำคู่ขนาน และหากเห็นว่า เป็นเรื่องสลับซับซ้อน และเห็นว่าเป็นคดีพิเศษ ทางเราก็จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาเป็นคดีพิเศษ  แต่ถ้าเห็นว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้ ก็จะส่งให้กับทางตำรวจได้ดำเนินการ" พ.ต.อ.ทวี ระบุ 

 

มีรายงานว่า คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ หรือ กคพ. จะมีการประชุมกันภายในสิ้นเดือนนี้ และมีข่าวว่าจะมีการเสนอเรื่อง "โพยฮั้ว สว." เข้าเป็นคดีพิเศษด้วย