“ทูตพรรณนภา” อำลาตำแหน่ง ออท.อิสราเอล เตรียมรับตำแหน่ง ออท.สวิส

นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล กล่าวอำลาพลเมืองไทยในอิสราเอล ในโอกาสพ้นจากตำแหน่งในวันนี้ (6 ก.พ.) โดยได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ มา 5 ปีแล้ว และได้ดูแลพลเมืองไทยในอิสราเอล และมั่นใจว่า สถานเอกอัครราชทูต พร้อมที่จะดูแลคนไทยทุกคนต่อไป และในโอกาสนี้ ขอให้คนไทย แรงงานไทยในอิสราเอล ดูแลสุขภาพ ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่และเก็บเงินสามารถส่งกลับไปดูแลครอบครัวได้ 

นางสาวพรรณนภา ยังระบุด้วยว่า แม้สถานการณ์ในอิสราเอลจะสงบ แต่ก็จะต้องไม่ตั้งอยู่ในความประมาท หากมีเหตุการณ์ใด ก็ขอให้ติดตามคำแนะนำจากสถานเอกอัครราชทูตต่อไป และขอให้พลเมืองไทยอิสราเอล มีความโชคดี และมีความสุข

นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

ครั้งยื่นพระราชสาส์นต่อประธานาธิบดีอิสราเอล เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 

นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

ครั้งยื่นพระราชสาส์นต่อประธานาธิบดีอิสราเอล เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 

นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

ครั้งยื่นพระราชสาส์นต่อประธานาธิบดีอิสราเอล เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 

ทั้งนี้ นางสาวพรรณนภา ยังได้เปิดเผยความรู้สึกผ่าน The Reporters ภายหลังที่ตัวประกันไทย 5 คน ได้รับการปล่อยตัวสำเร็จว่า ส่วนตัวรู้สึกดีใจมาก ๆ เพราะงานที่ค้างถือว่า สามารถดูแลคนไทยได้ เพราะภารกิจหนึ่งที่ยังติดใจว่าตนเองยังไม่ดำเนินการไม่สำเร็จ คือ เรื่องตัวประกัน ที่อยากให้มีการปล่อยก่อนที่ตนเองจะอำลาตำแหน่ง ซึ่งหากเป็นไปได้ อยากให้มีการปล่อยตัวก่อนที่ตนเองจะต้องอำลาตำแหน่ง หรือหากตนเองโชคดี ก็ขอให้ตัวประกัน ได้รับการปล่อยตัว ก่อนที่ตนเองจะต้องขึ้นเครื่องบิน กระทั่งได้รับทราบข่าวดีที่ตัวประกันไทย 5 คน ได้รับการปล่อยตัวแล้ว เพราะเป็นวันที่ตนเองตั้งตารอ และที่ผ่านมา ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการประสานงาน สอบถามความคืบหน้า เพื่อช่วยเหลือมามากกว่า 400 วัน และสถานเอกอัครราชทูตฯ และรัฐบาล ยังคงพยายามอย่างเต็มที่ ในการช่วยเหลือคนไทยอีก 1 ราย ได้รับการปล่อยตัว รวมถึงนำร่างผู้เสียชีวิต 2 ร่างกลับสู่ประเทศ เพื่อให้ญาติได้นำไปประกอบพิธีทางศาสนา 

“เป็นประสบการณ์ที่คิดว่า ไม่มีวันลืมเลือน ที่ได้อพยพคนไป 7,900 กว่าคน ใน 34 เที่ยวบิน และเป็นสิ่งที่ตั้งใจทำ เพราะไม่อยากให้คนไทย ได้รับผลกระทบจากสงครามมากกว่านี้ หากเป็นอะไรไป หรือถูกจับ หรือถูกฆ่าตายไปเพิ่มเติมอีก ไม่มีทางรู้เลยตอนนั้นว่า ผู้ก่อการร้ายแทรกซึมมากขนาดไหน อิสราเอลก็ไม่สามารถบอกได้ จึงคิดว่า ให้พี่น้องชาวไทยกลับไปให้ปลอดภัยดีที่สุด” นางสาวพรรณนภา เปิดใจ

นางสาวพรรณนภา ยังขอบคุณทุกหน่วยงาน และทุกคนที่ได้มาร่วมแรงร่วมใจ ช่วยภารกิจในครั้งนี้ ทั้งกกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนทำให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ ซึ่งเหตุการณ์นี้ เป็นสิ่งที่บอกว่า การทำงานด้วยกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน อย่างสมัครสมาน นำไปสู่ความสำเร็จจริง ๆ ซึ่งงานจะไม่สำเร็จ หากทีมเวิร์กไม่ดี 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอแต่งตั้ง ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน โดยให้นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รัฐอิสราเอล ไปดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส ต่อไป