นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนนครแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ และขยายความร่วมมือในด้านต่าง ๆ โดยได้พบหารือกับนางฟรานซิส แอดัมสัน ผู้สำเร็จราชการประจำรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ซึ่งได้เสนอย้ำเป้าหมายของไทยจะร่วมมือกับต่างประเทศด้านความมั่นคงใน 3 ด้าน คือ ความมั่นคงด้านอาหาร, ความมั่นคงด้านพลังงาน และความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งทั้งสองประเทศมีศักยภาพร่วมกันเป็นอย่างมาก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า รัฐเซาท์ออสเตรเลียมีองค์ความรู้ในการพัฒนาระบบการเกษตรที่ยั่งยืน สามารถเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารร่วมกันได้ อีกทั้งยังมีความสนใจ และพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี เกี่ยวกับพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮโดรเจน และยังมีศักยภาพเรื่องของพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงพลังงานลม ซึ่งเป็นพื้นฐานในการผลิตพลังงาน อย่างไรก็ตาม ประเทศออสเตรเลียต้องการเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคอื่น จึงเสนอให้ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาร่วมกัน ตั้งแต่การศึกษาวิจัย การผลิต มาสู่เครือข่ายตลาด หรือ Market Network ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีบทบาทสำคัญร่วมกับประเทศอินเดีย ในการพัฒนาภูมิภาค BIMSTEC ที่จะช่วยขยายความร่วมมือต่อไปได้
ขณะที่ ด้านความมั่นคงของมนุษย์นั้น ประเทศไทยมีศักยภาพด้าน Healthcare และมีบทบาทสำคัญเรื่อง Universal Health Coverage หรือ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งภาครัฐของเซาท์ออสเตรเลียก็สามารถร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ได้เช่นกัน
“ด้านความมั่นคงของมนุษย์ ผมได้นำเสนอนโยบายของท่านนายกฯ แพทองธาร ”30 บาท รักษาทุกที่” และด้านการศึกษา โดยผมได้เชิญชวนให้ฝ่ายออสเตรเลียมาร่วมลงทุนธุรกิจการศึกษากับมหาวิทยาลัยไทย ซึ่งฝ่ายออสเตรเลียสนใจ” นายมาริษ ระบุ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปเยี่ยมชม Waite Campus มหาวิทยาลัยแห่งแอดิเลด ซึ่งเป็นพื้นที่วิจัย ทดลองและเปิดสอนเกี่ยวกับเกษตรอัจฉริยะ และการทำเกษตรในซีกโลกใต้ ที่มุ่งเน้นการวิจัยระดับโลกในหลายด้าน เช่น เทคโนโลยีชีวภาพพืชและวิทยาศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือและการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีทางด้านการเกษตร และให้บทบาทของภาคเอกชนมีความชัดเจน มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลในฐานะผู้อำนวยการสะดวก จะผลักดันให้เกิดความร่วมมือในระดับมหาวิทยาลัย นำไปสู่ความร่วมมือในด้านเอกชนต่อไป
“ไทยมีความเชี่ยวชาญด้านอาหารและมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางทางอาหารของภูมิภาค สอดคล้องกับรัฐเซาท์ออสเตรเลียที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรแม่นยำ ซึ่งผมได้ไปเยี่ยมชม Waite Campus ของ ม. แห่งแอดิเลด ที่ทดลอง วิจัย และเปิดสอนเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลและใช้เทคโนโลยีทำเกษตรในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยครับ จึงได้มอบหมายให้ท่านทูตไทย ณ กรุงแคนเบอร์รา แสวงหาแนวทางส่งเสริมความร่วมมือ เพื่อจะได้นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มรายได้ให้พี่น้องเกษตรกรต่อไปครับ” นายมาริษ ระบุ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบหารือกับนายพีเตอร์ มาลีเนาส์กัส มุขมนตรีรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ซึ่งให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียน รวมถึงได้พูดคุยเกี่ยวกับการนำภาคธุรกิจของประเทศไทยมาพูดคุยกับผู้นำของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย เพื่อผลักดันเรื่องพลังงานหมุนเวียน และการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศไทย ที่จะเป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อตอบสนองความต้องการให้เป็นรูปธรรม
“ปัจจุบัน มีบริษัทด้านพลังงานของไทยที่ลงทุนในออสเตรเลียหลายบริษัท อาทิ บริษัท ราช กรุ๊ป รัฐเซาท์ออสเตรเลียก็มีความสามารถด้านการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และล่าสุด อยู่ระหว่างการพัฒนาพลังงานจากไฮโดรเจนสีเขียว ถือว่าเป็นสาขาที่ตอบโจทย์ความท้าทายในยุคปัจจุบัน และไทยจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือที่เกิดขึ้นแน่นอน” นายมาริษ ระบุ
ทั้งนี้ ในปี 2565 - 2566 ไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 5 ของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย โดยนำเข้าสินค้าจากรัฐเซาท์ออสเตรเลียมูลค่าประมาณ 2.15 หมื่นล้านบาท และส่งออกไปเป็นมูลค่าประมาณ 2.16 หมื่นล้านบาท