
มีข่าว “วงในพรรคเพื่อไทย” กำลังหวาดผวา “เกมวางยาจริยธรรม” และฝ่ายที่ต้องการ “วางยา” หลักๆ คือพรรคร่วมฯ ที่มีลุ้นรับช่วงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อได้
โดยมีแนวทางที่มีความเป็นไปได้ คือ
1.เสนอชื่อ “รัฐมนตรีหน้าเดิม” โดยอ้างว่า ยืนยันคุณสมบัติ เพราะเคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว ไม่เห็นมีปัญหา
2.ถ้าผ่านเข้าไปเป็นรัฐมนตรีได้จริง หากในอนาคตมีปัญหา ก็มีโอกาสที่ “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” จะต้องรับผิดชอบ
3.อาจมีการเสนอชื่อรัฐมนตรีหน้าใหม่ๆ เข้าไป ซึ่งมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติบางอย่างอยู่
4.เมื่อผ่านการตรวจคุณสมบัติ ก็ส่งคนของตัวเองไปยื่นคำร้องให้ตรวจสอบจริยธรรม เหมือนกรณีที่ 40 สว.ดำเนินการ
เรื่องนี้ประมาทไม่ได้ มีตัวอย่างให้เห็นกันมาแล้ว เพราะสส.ก้าวไกลหลายคนโดนตรวจสอบย้อนหลัง มีคดีเคยติดคุก จนขาดคุณสมบัติก็หลายคน และศาลวางบรรทัดฐานเกี่ยวกับจริยธรรมเอาไว้กว้างขวาง ซึ่งตีความได้หลากหลาย อีกทั้งความคาดหวังของสังคม คือ “ตั้งคนที่ดีที่สุด” ส่วนคนที่ถูกตั้งคำถามในแง่มุมต่างๆ ก็ไม่ควรตั้ง ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ “ไม่มีคนดีกว่านี้แล้วหรือ?” จุดนี้อาจเป็นบรรทัดฐานเรื่อง “วิญญูชน” หรือไม่
เรามีดัชนีชี้วัดทางการเมืองที่นำมาเป็นข้อสังเกต และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีเกมวางยาจริยธรรม โดยพุ่งเป้าไปที่พรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 2 และ 3 ซึ่งมีโอกาสได้จัดรัฐบาลแทน หากนายกฯของพรรคเพื่อไทยหลุดจากตำแหน่งไปอีกคน
ถามว่าทำไม นายอนุทิน หนุน “อุ๊งอิ๊ง” สุดตัว ให้เป็นนายกฯคนที่ 31
โดยช่วงที่ผ่านมาจังหวะยังไม่ดี ความชอบธรรมยังไม่ได้ เพราะพรรคอันดับ 1 ยังมี “แคนดิเดตสำคัญ” คือ “อุ๊งอิ๊ง” ซึ่งเป็นบุตรสาวนายทักษิณ
ดังนั้นถ้านายอนุทิน ต้องการขึ้นเป็นนายกฯช่วงนี้ แม้เจรจากันจบ ก็จะถูกครอบจากนายทักษิณ และจะถูกกดดันให้ลงจากตำแหน่งช่วงใกล้เลือกตั้ง เพื่อให้ “อุ๊งอิ๊ง” มานำทัพ สู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
เหตุนี้ถ้าปล่อยให้ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯไปก่อน แล้วเกิดอุบัติเหตุ ก็จะเปิดทางให้นายอนุทินอย่างสง่างามกว่า และไม่มีคู่แข่งในการเลือกตั้งหนหน้า
ขณะที่ “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” ตอนนี้ โอกาสเสียคะแนนนิยมสูงมาก
ฟากฝั่งนายอนุทิน ว่ากันว่าในฐานะนักการเมือง ย่อมมีฝันที่จะขึ้นเป็นนายกฯ มีการเตรียมการสร้างกระแสในโซเชียลมีเดีย แนว “สุภาพบุรุษการเมือง” และพยายามเป็นผู้นำการเมืองที่ใช้โซเชียลมีเดียเก่งๆ เพื่อไม่ให้เกิดภาพเปรียบเทียบกับพรรคประชาชน และนายอนุทินยังต้องการเวลา เพื่อให้มั่นใจว่าเคลียร์ปัญหายุบพรรคภูมิใจไทยให้ได้ก่อน
ส่วนฝั่งของพรรคพลังประชารัฐ "ลุงป้อม" แห่งบ้านในป่า ถามว่าทำไมไม่ยอมถอย ไม่ถอนตัว ทั้งๆ ที่พรรคแกนนำรัฐบาลแสดงท่าทีชัดมากว่า ต้องการ “เขี่ยลุง” ซึ่งคำตอบคือเพื่อรอลุ้นเป็นรัฐบาล เพราะยังมีลุ้น หากนายกฯอุ๊งอิ๊งเกิดอุบัติเหตุ
โดยมิงว่าการคงสถานะพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นความชอบธรรมในการรวมเสียงได้ง่ายกว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือการล้างไพ่เกิดเหตุ เหตุนี้เอง ลุงป้อมจึงไม่ยอมไปเป็นฝ่ายค้าน
“ลุงป้อม” ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ จึงมีศักดิ์และสิทธิ์พร้อมช่วงชิงตำแหน่ง
พยายามดึง “ผู้กองธรรมนัส” กลับมา พยายามเคลียร์ปัญหา พยายามรักษา 40 เสียงของพลังประชารัฐเอาไว้ เพื่อให้คงอำนาจต่อรองได้ระดับหนึ่ง
โดยจุดแข็ง “ลุงป้อม” คือ ไม่มีอะไรจะเสีย เล่นรอบสุดท้าย ไม่ต้องแคร์สมัยต่อไป จึงอาจทำอะไรที่เหนือความคาดหมายได้ตลอดเวลา