เปิดคิวงาน "เศรษฐา" หลังศาล รธน.นัดชี้อนาคตเก้าอี้นายกฯ พรุ่งนี้ (14 ส.ค.)
เปิดตารางงาน "เศรษฐา" หลังศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตาอนาคตเก้าอี้นายกรัฐมนตรี พรุ่งนี้ (14 ส.ค.) คิวงานแน่นเอี้ยด - มีพบนายกฯ สปป.ลาวเยือนไทยทางการ-ร่วมเวทีล้านช้าง-แม่โขง ครั้งที่ 9
ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยในดคีที่อดีต 40 สว.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง จากการเสนอแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะออกนั่งบัลลังก์ ในวันพรุ่งนี้ (14 ส.ค.) ซึ่งนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์-การเมือง ต่างประสานเสียงฟันธงว่า นายเศรษฐา น่าจะรอดในคดีนี้ไปได้
นายยุทธพร อิสรชัย รองศาสตราจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช บอกว่า เพราะข้อกฎหมายการตั้งรัฐมนตรีนั้น นายเศรษฐา ได้สอบถามไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่มีการตรวจสอบประวัติ ก่อนมีการเสนอแต่งตั้งแล้ว จึงค่อนข้างชัดเจนตามกฎหมายว่า นายเศรษฐา ดำเนินการครบถ้วนแล้ว รวมถึงยังปรากฏ “ภาพแห่งปี” ที่นายเศรษฐา มีโอกาสได้พบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ดูมีสัมพันธภาพอันดีต่อกัน รวมถึงความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล ที่ยังเป็นไปในเชิงบวก จึงไม่น่ามีสิ่งใดน่ากังวล
เช่นเดียวกับ นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ที่มองว่า นายเศรษฐา ก็ได้ดำเนินการตามกระบวนการที่พึงกระทำแล้ว ทั้งการส่งเรื่องให้กฤษฎีกา และสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตรวจสอบคุณสมบัตินายพิชิตครบถ้วนแล้วเช่นกัน จึงแสดงว่า มีการตรวจทานตามปกติวิสัย ไม่ได้ละเลย หรือเพิกเฉย รวมถึงหลังมีการยุบพรรคก้าวไกลไปแล้ว บ้านเมืองก็เป็นปกติสุขดี จึงไม่น่าจะต้องถึงขั้นมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพราะหากนายเศรษฐาไม่รอด ก็จะต้องมีการตั้งรัฐบาลกันใหม
ส่วนจะหาเหตุผลใดที่ทำให้นายเศรษฐา “ไม่รอด” นั้น ทั้งนายยุทธพร และนายสติธร เห็นตรงกันว่า เป็นตีความ “มาตรฐานจริยธรรม” ตามคำร้องของอดีต 40 สว.ที่ได้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญไป ที่นายเศรษฐา จะไม่ทราบไม่ได้ว่า นายพิชิต มีตำหนิ แต่กลับยังเสนอแต่งตั้ง จึงมีผลต่อความบกพร่องต่อมาตรฐานทางจริยธรรมของนายเศรษฐาด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้ จะยังไม่ทราบว่า นายเศรษฐา จะรอด หรือไม่รอด แต่รัฐบาล ก็ได้เตรียมกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีไว้แล้ว โดยจะเป็นการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ ในวันรุ่งขึ้นทันที หลังศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น ตั้งแต่วันที่ วันที่ 15 ยาวไปจนถึง 23 สิงหาคมนี้ โดยจะไปทั้ง จังหวัดเชียงใหม่ ปทุมธานี นครนายก สระบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ตาก เชียงราย นครพนม และปิดท้ายที่จังหวัดบึงกาฬ ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้
นอกจากนั้น นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2567 นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีกำหนดเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยเป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก และเป็นโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะขยายความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของสองประเทศด้วย
“สปป. ลาว เป็นมิตรประเทศที่มีความสำคัญ เชื่อมั่นว่า การเยือนไทยครั้งนี้ เป็นโอกาสให้กระชับความร่วมมือเพื่อเพิ่มพูนความสัมพันธ์ และร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ” นายชัย กล่าว
นอกจากนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดเข้าร่วมกำหนดการในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong - Lancang Cooperation: MLC) ครั้งที่ 9 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรมแมริออท เชียงใหม่ โดยนายกรัฐมนตรี จะการกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “Towards Safer and Cleaner Mekong Lancang” และจะมีการแถลงข่าวร่วมกัน (Joint Press Conference) หลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 9 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศประจำพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน
สำหรับกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และจีน ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือที่ริเริ่มโดยประเทศไทย ในปี 2555 เพื่อพัฒนากรอบความร่วมมือในเขตเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง เน้นให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมกระบวนการพัฒนาอาเซียน