
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมาก 291 เสียง ต่อ 161 เสียง ให้ความเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 เพิ่มเติม วงเงิน 122,000 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมงบกลาง จำนวน 6 มาตรา ภายหลังกรรมาธิการฯ พิจารณาแล้วเสร็จ โดยไม่ได้มีการปรับแก้ใด ๆ
นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ย้ำว่า รัฐบาล มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อันเป็นกรณีที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน ไม่สามารถรองบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2568 ได้ จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฉบับนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดยเป็นงบประมาณจากภาษี และรายได้อื่น จำนวน 10,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 112,000 ล้านบาท พร้อมย้ำว่า การตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของประเทศ
:: กมธ.เสียงข้างน้อยชี้ งบฯ ขัดวินัยการคลัง - เปิด ปชช.ลงทะเบียนไม่เข้าเกณฑ์งบผูกพัน ::
สำหรับการพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายนพณัฐ มีรักษา กรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย เห็นว่า ร่างงบประมาณฉบับนี้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องใช้เงินภายใน 30 กันยายน ที่จะต้องออกงบประมาณเพิ่มเติมฉบับนี้ เพราะการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แล้วถือเป็นการก่อหนี้ของรัฐบาลนั้น ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน และไม่สามารถกำหนดสัญญาก่อหนี้ได้ ดังนั้น จึงสรุปได้เพียงอย่างเดียวว่า การแจกเงินดิจิทัลฯ เป็นการสัญญาให้ของรัฐบาล โดยที่ประชาชน ไม่ต้องตอบแทนใด ๆ กลับมายังรัฐบาล แม้จะมีการเปิดลงทะเบียน แต่ยังไม่มีการส่งมอบเงิน ก็ต้องถือว่า สัญญาไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถฟ้องร้องใด ๆ ได้
:: "ก้าวไกล" รุมอัดดิจิทัลวอลเล็ต ทำลายการแข่งขันรายย่อย-ผิดกฎหมาย-ไม่คุ้มค่า ::
ด้าน นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย ได้เสนอตัดลดงบประมาณลง เนื่องจาก กังวลว่า งบประมาณ ที่จะนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้ จะยิ่งทำให้ธุรกิจค้าปลีกกระจุกตัวอยู่เพียงรายเดียว อาจส่งผลเสียงต่อเศรษฐกิจของประเทศ กลายเป็นพายุที่พรากการแข่งขันของธุรกิจรายย่อยออกไปอีก จึงขอให้รัฐบาล ได้พิจารณาประเมินผล ตั้งแต่ก่อนดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และหลังดำเนินการด้วย
ขณะที่ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอปรับลดงบประมาณเพิ่มเติม เหลือเพียง 10,000 บาท ซึ่งเป็นงบประมาณเท่าที่รัฐบาล จะหารายได้อื่นมาเพิ่มได้ เนื่องจาก รัฐบาลไม่ควรมีการกู้เงินเพิ่มอีกแล้ว ซึ่งแม้จะยังอยู่ในกรอบวินัยการเงิน แต่ก็อยู่ปริ่มเพดานแล้ว ขาดการประมาณการรายได้ที่จะถึงเป้า และแม้รัฐบาล จะยังกู้ได้ ก็จะต้องใช้จ่ายภายในปีงบประมาณ 2567 ซึ่งการลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของประชาชน ไม่ได้นับเป็นหนี้จึงไม่เข้าเกณฑ์งบผูกพันธ์ รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็ไม่คุ้มค่าที่จะดำเนินการ เพราะจากเดิมที่มีการประเมิน GDP จะสามารถโตได้ 1.2-1.8% แต่เมื่อแหล่งที่มาของเงินเปลี่ยน จึงเหลือเพียง 0.9% จึงสะท้อนว่า โครงการนี้ ไม่ได้มีการประเมินความคุ้มค่าไว้ล่วงหน้า
ด้าน นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เสนอตัดลดงบประมาณจาก 122,000 ล้านบาท เหลือเพียง 1 บาท
:: "จุลพันธ์" โต้ฝ่ายค้านทุกเม็ด! ยืนยันไม่ขัดวินัยการคลัง ชี้เปิด ปชช.ลงทะเบียนเข้าเกณฑ์ผูกพันงบฯ แล้ว - มั่นใจคุ้มค่า-ทำ ศก.โตได้ 5% ::
ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ ยืนยันความจำเป็น ที่รัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ในห้วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่มีอัตราการเจริญเติบโตต่ำในระดับภูมิภาค จึงต้องมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องเป็นไปตามวินัยการเงินการคลังที่กำกับไว้ ดำเนินการด้วยความรอบคอบ และจะไม่ให้เกิดวิกฤตใด ๆ ตามมาจากการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยตั้งเป้าว่า จะสามารถทำให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจ จะสามารถเติบโตได้ 4-5% ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น หนี้ครัวเรือน
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการกำหนดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ในปีงบประมาณ 2567 จะทันต่อการใช้จ่ายในไตมาสที่ 4 ของปี 2567 หรือเป็นการเริ่มปีงบประมาณ 2568 แล้วนั้น นายจุลพันธ์ ย้ำว่า การดำเนินการโครงการของรัฐ และให้ประชาชนลงทะเบียน ถือเป็นงบผูกพัน หรือข้อผูกพันที่รัฐบาลต้องจ่าย ตามกฎหมายที่ว่าด้วยหนี้ภาครัฐ เมื่อประชาชนขอใช้สิทธิรับเงิน 10,000 บาท เมื่อรัฐอนุมัติ ก็ถือเป็นนิติกรรมร่วมกันระหว่างประชาชนกับรัฐ เช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ
นายจุลพันธ์ ยังย้ำด้วยว่า การดำเนินการของรัฐบาล เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย มีหน่วยงานภาครัฐมาชี้แจงอย่างครบถ้วน รัฐบาลจึงมั่นใจ นำเสนอร่างงบประมาณฉบับนี้ เข้ามาสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมชี้แจงความคุ้มค่าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า นอกจากจะเกิดความเจริญเติบโตทางเศรฐกิจแล้ว ยังมีผลประโยชน์ที่ประชาชนเกือบ 50 ล้านคน จะได้รับเงินไปต่อยอดชีวิต และเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการพัฒนาตลาดเศรษฐกิจดิจิทัล และ E-government ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล จึงคุ้มค่าที่จะเดินหน้าโครงการต่อ
ทั้งนี้ ภายหลังที่ประชุลงมติให้ความเห็นชอบแล้ว นายจุลพันธ์ ได้ขอบคุณที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมยืนยันว่า งบประมาณที่รัฐบาล ได้รับอนุมัติให้นำไปใช้จ่ายในครั้งนี้ จะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ และแผนงาน และจะกำกับดูแลติดตามการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าว ให้มีความโปร่งใส และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ด เงินหมุนเวียนในพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต และการดำรงชีพ รวมถึงสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของภาคประชาชน และภาคธุรกิจเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชนต่อไป โดยรัฐบาล มีจุดมุ่งหมายสำคัญ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่าง ๆ และยกระดับคุณภาพชีวิต และการดำรงชีพ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน และภาคธุรกิจ ควบคู่กับการรักษาระดับการบริโภค และการลงทุนในประเทศ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้ประชาชน ได้รับประโยชน์จากการใช้เม็ดเงินงบประมาณมากที่สุด
:: ส่งวุฒิสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2567 เพิ่มเติมต่อ ::
อย่างไรก็ตาม สำหรับขั้นตอนภายหลังสภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นชอบร่างงบประมาณเพิ่มเติมฉบับนี้แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะได้ส่งร่างงบประมาณฯ ให้วุฒิสภาชุดใหม่ พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป