มีเสียงวิจารณ์หนาหูว่า ทำไมนายกฯเศรษฐา ทวีสิน รวมถึง “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงต้องเดินทางไปดูที่เกิดเหตุการเสียชีวิตหมู่ 6 ศพ คาโรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯด้วย เพราะบางฝ่ายมองว่าทำให้เหตุการณ์ดูร้ายแรงเกินจริง และอาจเป็นการส่งสัญญาณทางอ้อม ให้ตำรวจเร่งรีบปิดคดี ทั้งๆ ที่ยังมีข้อสงสัยมากมาย แต่ต้องตัดจบเนื่องจากไม่อยากให้กระทบกับการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ประเทศหรือไม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีคำชี้แจงจากทีมงานใกล้ชิดของท่านนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่อยู่ในที่เกิดเหตุว่า สาเหตุที่นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ต้ดสินใจเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ เพราะข่าวที่ออกมาทางสื่อในช่วงแรก มีการรายงานว่า “ยิง 6 ศพคาโรงแรมหรู” ซึ่งหากเป็นเหตุการณ์ใช้อาวุธปืน และมีผู้เสียชีวิตมากขนาดนั้นจริง ย่อมเป็นเรื่องใหญ่มาก และกระทบกับภาพลักษณ์ประเทศมาก
ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว เพิ่งมีเหตุการณ์วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้อาวุธปืนกราดยิงกลางห้างดัง ซึ่งส่งผลสะเทือนต่อการท่องเที่ยวมาครั้งหนึ่งแล้ว ทำให้ นายกเศรษฐา มีความเป็นห่วงอย่างมาก จึงตัดสินใจเดินทางไปที่เกิดเหตุ เมื่อมีข่าวออกมาครึกโครมทำนองว่า “ยิง 6 ศพกลางกรุง” แต่เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุแล้วได้รับรายงานเบื้องต้นว่า เป็นการฆาตกรรมหมู่โดยใช้ยาพิษ และน่าจะเป็นการฆ่ากันเอง ทำให้นายกฯเศรษฐาต้องรีบให้ข่าวเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบลุกลามต่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของไทย
ส่วนการเดินทางไปที่เกิดเหตุของ รองนายกฯอนุทิน หรือ มท.หนู ซึ่งควบตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ด้วย เป็นเพราะเหตุผลเดียวกัน คือข่าวออกมาว่าเป็นการยิงกัน ซึ่งเรื่องการออกใบอนุญาตอาวุธปืนอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีจึงต้องเร่งเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมกับอธิบดีกรมการปกครอง โดยขณะที่ทราบข่าวการเสียชีวิต 6 ศพของชาวต่างชาติ เป็นช่วงเวลาที่รองนายกฯอนุทิน กำลังรับประทานอาหารกับคนใกล้ชิดอยู่พอดี แต่ก็ต้องตัดใจทิ้งโต๊ะอาหาร รีบรุดไปตรวจที่เกิดเหตุเช่นกัน
ด้านแหล่งข่าวจากชุดคลี่คลายคดีการเสียชีวิต 6 ศพ ยืนยันว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานจนถึงขณะนี้ มั่นใจได้ว่าการเสียชีวิตของคนทั้งหมด เป็นการวางยาปลิดชีพกันเอง โดยไม่มีบุคคลภายนอกเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่มีคนไทยเข้าไปเกี่ยว และไม่ใช่การฆ่าชิงทรัพย์ที่แสดงว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย และไม่ใช่การประทุษร้ายต่อนักท่องเที่ยว ฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่กระทบกับภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของไทยอย่างแน่นอน